- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 October 2014 15:14
- Hits: 1725
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Outlook
คาดแนวรับ SET ที่ 1,540 +/- จุด ยังทำงานได้ดี: SET ปรับลดลงตามการปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones ปิดตลาดปรับลดลง 0.51% ที่ 1,552.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 1,060 ล้านบาท...สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสัปดาห์ ยังอยู่ในแนวโน้ม “พักฐาน” ต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอ และมาตรการ QE ของ Fed ที่จะสิ้นสุดลงในเดือน ต.ค.นี้ ล่าสุดรัฐมนตรีคลังเยอรมนีไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตาการ QE ของของ ECB โดยประเมินแนวรับทางเทคนิคที่ 1,540 +/- จุด เป็นแนวรับแรกที่คาดว่าจะยังทำงานได้ดี และแนวรับหลักที่ 1,500 +/- จุด ขณะที่คงมุมมองเชิงบวกต่อ SET ระยะกลาง-ยาว ต่อไปด้วยเป้าหมายปลายปี 2015 ที่ 1,750 จุด
“ซื้อ” THREL…เป้าหมายพื้นฐาน 19 บาท: พอร์ตหลัก แนะนำ “รอซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเมื่อมีสัญญาณกลับตัว KBANK BBL STEC CK SPALI (กำไร 3Q14 เติบโตเด่น 217% y-y) LPN QH SAMART SAPPE BEAUTY และ TUF นอกจากนี้ยังแนะนำ “ซื้อ” THREL ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 19.0 บาท กำไรเติบโตดี 15-16% จาก Market Share ที่เพิ่มขึ้น ประเมินแนวรับ 15.4-15.6 บาท
Tactical Portfolio (1-3 months)
TNS แนะนำ AOT, BEAUTY, BTS, KBANK, SAMART, SAPPE, SPALI, STEC และ TUF เป็นหุ้นใน Tactical Portfolio ขณะที่คงสัดส่วน Cash ที่ 10% ต่อไป
Tactical Portfolio: Tactical Portfolio ให้อัตราผลตอบแทน +0.80% w-w (6 ต.ค.-10 ต.ค. 2014) สูงกว่า SET ที่ให้อัตราผลตอบแทน -1.12% w-w อยู่ 1.92% โดยหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุดใน Tactical Portfolio ได้แก่ SAMAT, SAPPE, BTS และ SPALI โดย SAPPE และ SAMART ให้อัตราผลตอบแทนสูงถึง 8.4-9.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการปรับสูงขึ้นของ SAMART ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ถือว่าเป็นสัญญาณ “กลับตัว” ทางเทคนิค และเป็นจังหวะ “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายพื้นฐานที่ 36.50 บาท และระยะสั้นที่ 35.25 บาท ขณะที่ SAPPE ราคาหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป้าหมายระยะสั้นที่ 44-46 บาท ขณะที่มีเป้าหมายพื้นฐานที่ 45 บาท ขณะที่ AOT และ BEAUTY ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดใน Tactical Portfolio หรือ -7.5-4.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา...ทั้งนี้ตั้งแต่จัดทำ Tactical Portfolio เมื่อวันที่ 13 ม.ค.14 ให้อัตราผลตอบแทน 52.24% ขณะที่ SET ให้อัตราผลตอบแทน 22.85% หรือให้อัตราผลตอบแทนดีกว่า SET อยู่ 23.92%
Technical
SET ต่ำกว่า 1555 จุด : ทิศทางระยะสั้นยังคงมีความเสี่ยงในแนวโน้มขาลงต่อไป ดัชนี SET อยู่ต่ำกว่าแนวเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 7 – 17-21 วัน และไม่สามารถพลิกฟื้นตัวกลับขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 1555 จุด ทำให้ทิศทางดัชนี SET ยังมีความเสี่ยงลงต่อในระยะสัปดาห์ สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1530 – 1575 จุด
หุ้นที่แนะนำซื้อ : SPVI รูปแบบแท่งเทียนลักษณะทิศทางขึ้น คาดว่าจะผ่านแนวต้าน 2.00 บาท เปลี่ยนกรอบซื้อขายขึ้นไปอยู่ระหว่าง 2.00-2.20 บาท เป้าหมายขายทำกำไรที่แนวต้าน 2.20 บาท MAX ราคาขึ้นแข็งแกร่งทะลุแนวต้าน 1.00 บาท และเป็นจังหวะซื้อตาม มีแนวโน้มขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1.18-1.20 บาท TTW ราคาฟื้นตัวที่บริเวณ 11.80 บาท ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 7-14-21 วัน เป็นโอกาสซื้อตาม คาดว่ามีโอกาสขึ้นในระยะสัปดาห์ทดสอบยอดเดิมที่ระดับ 12.80 บาท
TFEX Recommendation
SET50 Futures: แนะนำ “Trading” ในกรอบ 1,020-1,035 จุด สำหรับสัญญา S50Z14 รอยืนยันทิศทางระยะสัปดาห์ไปก่อน แม้ S50Z14 มีแนวโน้มถูกกดดันจากปัจจัยภายนอกต่อเนื่อง แต่สถานะ Short ยังไม่กลับมาได้เปรียบ
Gold Futures: แนะนำ “ถือ” สถานะ Long สัญญา GFV14 ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 19,200 บาท ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 18,800 บาท ล่าสุดราคาทองคำ COMEX ปรับลดลงเล็กน้อย US$3.6 ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน
Oil Futures: แนะนำ “ถือ” สถานะ Short สัญญา BRV14 โดยมีเป้าหมายการปรับลดลงที่ 2,800-2,850 ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 2,950
Thai Strategy Team
นพดล พิริยวุฒิ
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล