- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 October 2014 14:32
- Hits: 2053
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Volatile
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับฐานลงตามภูมิภาค ลบ 7.89 จุด ปิดที่ 1,552.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38,477 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติกลับมาลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยตามภาพรวมของภูมิภาค ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,060 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures 1,048 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 5,044 ล้านบาท สะท้อนภาพการลงทุนที่ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน
ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะยังเป็นการแกว่งไร้ทิศทางที่ชัดเจน เพราะปัจจัยภายนอกการลงทุนที่ไม่เอื้อ ความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอียูที่ส่งสัญญาณเสี่ยง ภายใต้ภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟดในปลายเดือนนี้เป็นสำคัญ แต่หากประเมินอีกด้านหนึ่ง เมื่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจในอียูเพิ่มขึ้น อาจกลายเป็นข้ออ้างที่เฟดจะใช้ประวิงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เช่นกัน
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศขาดความโดดเด่น MBKET ให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานใน 3Q57 ของกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มทยอยประกาศในปลายสัปดาห์นี้ หากออกมาเท่ากับหรือดีกว่าคาดจะกลายเป็นปัจจัยที่ผลักดัน SET INDEX ให้ฟื้นตัวได้
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ เรายังคงแนะนำให้เป็น “Swing Trade คือ ขึ้นแรงขาย และลงแรงซื้อ” หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะ พร้อมติดตามการแกว่งตัวของ PTT / KBANK จะเป็นหุ้นหลักที่กำหนดทิศทาง SET INDEX ในภาพรวมช่วงนี้
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” LPN/ KTB
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT
Accumulative Buy: LPN / KTB
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปรับฐาน แต่ยังปิดยืนเหนือ 1,550 จุด
SET INDEX วันนี้แกว่งซึมตัวลงต่อ ประเมินแนวรับ 1,540 จุดจะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง
แนะติดตาม KBANK / PTT จะเป็นตัวกำหนดทิศทาง SET INDEX ช่วงนี้
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI เป็นเป้าหมายของการเก็งกำไรในระลอกของการดีดตัวช่วงสั้น
กลยุทธ์การลงทุน Swing Trade ตลาดหุ้นเอเชียวันศุกร์ ปรับฐานลงแทบทุกตลาด ยกเว้นตลาดหุ้นเวียดนาม โดย HSKI ปิดลบแรง 1.9% หลังทางการเกาะฮ่องกงยกเลิกการเจรจากับผู้นำนักศึกษา
ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดย่อตัวลงแรงสู่แนวรับ 1,545 จุด กดดันโดยหุ้น PTT / KBANK ก่อนเกิดการฟื้นตัวลักษณะ Technical rebound แบบอ่อนๆ ผลักดันให้ SET INDEX แกว่งแคบ 1,550 จุด +/- หุ้นขนาดกลางและเล็กขยับเด่น เช่น SOLAR, SIRI, NIPPON เป็นต้น ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่มธนาคารปรับฐานลงเล็กน้อย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,552.72 จุด ลบ 7.89 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 38,477 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่มเหล็ก +2.00%, กลุ่มปิโตรเคมี +0.55% และกลุ่มยานยนต์ +0.52% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.44%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +0.12% และกลุ่มพลังงาน -1.41%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.30 น.) เช้านี้ Kospi เปิดลบเล็กน้อย ตามทิศทาง DJIA เช้านี้ติดตามการเคลื่อนไหวของ HSKI และตลาดหุ้นจีน เป็นสำคัญ
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET คงมุมมองเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 12 พร้อมกับคงภาพการแกว่งตัวระหว่าง 1,520-1,570 จุด ในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ ก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 28-29 ต.ค. เพื่อติดตามมุมมองต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในกลางปีหน้าจะปรับขึ้นได้หรือไม่
และหากพิจารณาปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ ขาดความโดดเด่น ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกขยับขึ้นอย่างโดดเด่นนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ด้วยความคาดหวังเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัว และเติบโตแข็งแกร่ง ตามมาด้วยกลุ่มอียูที่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสถานการณ์ในอียูกลับพลิกและสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนทั่วโลก กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนทั่วโลกต้องการปิดความเสี่ยงต่อการลงทุน
MBKET มีความเห็นต่อปัจจัยทั้งในและต่างประเทศในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ไปดังนี้
•ผลการดำเนินงาน 3Q57 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทยอยประกาศในปลายสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้า หากผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าคาด เชื่อว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน เพราะ ณ ปัจจุบัน นักลงทุนสถาบันภายในประเทศ และต่างชาติ กังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจใน 3Q57 ขณะที่ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกของเศรษฐกิจไปมากแล้ว
•ตัวเลขเศรษฐกิจอียู มีแนวโน้มส่งสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจในเยอรมัน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอียู อาจทำให้ตลาดกลับมาคาดหวังต่อนโยบายการเงินเพิ่มเติมจาก ECB หลังประกาศโครงการเข้าซื้อ Covered bond และ ABS ไปแล้วก่อนหน้า
•ตลาดอาจกลับมาประเมินการประชุมเฟดในปลายเดือนนี้ อาจใช้กรณีของอียู เป็นข้ออ้างในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่ง “Considerable Time” หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมครั้งนี้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “นักลงทุนพิจารณา ขึ้นแรงขาย – ลงแรงซื้อ” เพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงที่ทิศทางการลงทุนไม่ชัดเจน ความผันผวนอยู่ในระดับสูง
สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว หรือระยะเวลาการลงทุน 3 เดือนขึ้นไป ทีมกลยุทธ์ MBKET แนะนำให้ “ทยอยสะสม” เมื่อ SET INDEX เกิดการย่อตัวต่ำกว่าระดับ 1,540 จุด หุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเด่น พร้อมกับแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานที่เด่นกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มอุตฯ เดียวกัน เป็นทางเลือกของการลงทุน หาก ราคาหุ้นเกิดการปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หุ้น Top Pick : BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ขณะที่หุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ที่ช่วยปิด downside risk ของราคาหุ้นได้แก่ BTS / TRUEIF สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.DJIA ปิดลบแรงวันศุกร์ คาดเป็นผลจากวันหยุดยาว: วันนี้ทุกตลาดของสหรัฐฯ ปิดทำการ เนื่องในวัน Columbus day เราเชื่อเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ DJIA คืนวันศุกร์ปรับฐานลงแรงต่อเป็นวันที่ 2 เพราะ นักลงทุนน่าจะชะลอการลงทุน ในช่วงวันหยุดยาว ภายใต้ภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยการลงทุนใหม่
2.วันนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการ: เนื่องในวันกีฬา และ สุขภาพ
3.คาด HSKI ปรับฐานลงแรงต่อ: หลังสถานการณ์การชุมนุมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กลับมามีความเสี่ยงอีกครั้ง จำนวนผู้ชุมนุมกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับช่วงวันชาติจีน ต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาก็ตาม แต่ความตึงเครียดระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม และตำรวจ มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ล่าสุด ตำรวจ เริ่มรื้อสิ่งกีดขวางของผู้ชุมนุมออกแล้วในเช้าวันนี้ คาดว่าประเด็นนี้จะกดดันตลาดหุ้นฮ่องกงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
4.เช้านี้ติดตามตัวเลขส่งออก – นำเข้าของจีน:
•การส่งออกเดือนก.ย. Bloomberg Consensus คาดเติบโต 12.3% yoy เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า +9.4% yoy
•การนำเข้าเดือนก.ย. Bloomberg consensus คาดหดตัว 1.8% yoy เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 2.4% yoy
•ดุลการค้าเดือนก.ย. Bloomberg consensus คาดเกินดุล US$4.0 หมื่นล้าน ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าเกินดุล US$4.984 หมื่นล้าน
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.75 13.50 15.82 13.57
PSE 20.12 17.37 20.25 17.48
JSE 15.98 13.63 16.08 13.70
KOSPI 9.83 8.56 Closed Closed
TAIEX Closed Closed 14.17 12.96
Straits Time 14.21 13.09 14.37 13.23
SHCOMP 9.42 8.32 9.48 8.37
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 23.50 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 เติบโต +3% yoy และ +22% qoq เป็น 9.2 พันล้านบาท จากสินเชื่อ 3Q57 ที่กลับมาขยายตัว +8% yoy ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ NIM ทรงตัวที่ 2.88% จาก 2Q57 ที่ 2.90% ขณะที่การตั้งสำรองคาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติเหลือ 2.7 พันล้านบาทใน 3Q57 จาก 2Q57 ที่ 5.3 พันล้านบาท
b)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 จะเติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.9x, SCB 1.9x และ BAY 2.0x
d)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราวปีละ 4% และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง จึงโดดเด่นกว่าหุ้นธนาคารอื่นในกลุ่ม ที่มีการจ่ายเงินปันผล 1H57 ไปแล้ว
2.LPN : ราคาปิด 21.70 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)MBKET ให้ LPN เป็น 1 หุ้น Top pick สำหรับการลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 และแนะนำทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะเวลา 3-6 เดือนขึ้นไป
b)เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโตโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท ขยายตัวสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่ากำไรจะเติบโต +9.2% yoy ในปี 2558
c)จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ของเราที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy
d) Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที 11 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราวปีละ 5%
What will DJIA move tonight? คืนนี้ปิดทำการ เนื่องในวัน Columbus day
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้กลับมาขายสุทธิ US$117 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$11 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX n.a 1.2 10,617.5 9,188.0
KOSPI n.a Closed 6,828.6 4,875.1
JSE -50.8 -19.7 3,912.9 -1,806.4
PSE -34.4 -11.2 1,090.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 0.7 -4.4 205.7 263.2
SET INDEX -32.7 45.3 -161.1 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1,060 +1,477
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,048 +5,789
SSF (สัญญา) -1,863 +704
Metal Futures (สัญญา) +392 -261
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +5,044 +2,776
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,060 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 7,003 ล้านบาท เนื่องจากภาพการลงทุนในเอเชียเกิดใหม่ขาดความน่าสนใจ
พร้อมกลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ 1,048 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Short เพิ่มเติม กดดันให้ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างถึง 4.66 จุด จากวันก่อนหน้าที่ Discount เท่ากับ 4.80 จุด
แต่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 5,044 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 7,820 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการขายพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.75bps ปิดที่ 3.373%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 745 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าสูงถึง 2,127 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 159.63 6.16% 367.05
TRUE 79.44 3.56% 11.30
AOT 67.06 9.89% 220.10
KBANK 45.41 5.73% 227.27
ADVANC 32.34 3.02% 224.41
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 หนาแน่นต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิ 1,002 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 1,958 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจว่า การสะสมหุ้นกระจุกตัวอยู่ที่ TUF / ADVANC เป็นสำคัญ สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่มอาหารถูกซื้อสุทธิสูงสุด 316 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 314 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 252 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 908 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 12 วันทำการ 99 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 363 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม MAI ถูกขายสุทธิสูงสุด 27 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
TUF 325.33 33.20 HEMRAJ -94.76 19.64
ADVANC 206.76 41.00 TTA -84.51 9.16
PTTEP 112.94 17.44 DTAC -66.32 33.06
BTS 110.32 13.30 BBL -39.81 4.82
ICHI 65.88 13.60 CPF -35.66 6.83
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong