- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 October 2014 16:00
- Hits: 1891
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -334.97, NASDAQ -90.26, S&P -40.68, FTSE -50.39, CAC -26.67 และ DAX +9.69 โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรง จากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจเยอรมันจากการประกาศตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. ที่ลดลง 5.8% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2009 และการประกาศตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงานและผลผลิตอุตสาหกรรมที่แย่กว่าคาด ประกอบกับการที่ตลาดอยู่ระหว่างรอการประกาศผลประกอบการ – 3Q/57 ของบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ และการยุติวงเงิน QE ในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งส่งผลลบต่อการการลงทุนในตลาด ในขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย 1) ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 1,000 ราย ดีกว่าคาด และ 2) สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเพิ่มขึ้นเกินคาด แต่ยอดขายส่งลดลง แย่กว่าคาด
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. -US$1.54 อยู่ที่ US$85.77 ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากหลายประการทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในยุโรปและตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง
....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$19.3 อยู่ที่ US$1,225.3 ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำ หลังจากเฟดแถลงว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลง
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,477 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -5,091 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : คาดปรับลดลงตามต่างประเทศ? คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับลดลงตามต่างประเทศ หลังจากตลาดหุ้นต่างประเทศต่างปรับตัวลงแรง จากความกังวลเกี่ยวกับการภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรป หลังจากเยอรมันประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ออกมาแย่กว่าคาดติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่าหากวงเงิน QE หมดลงในเดือนตุลาคม จะไม่มีปัจจัยมากระตุ้นการลงทุนในตลาด
....ทางด้านปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยตลาดยังคงรอดูแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้มากน้อยแค่ไหน หลังจากที่ผ่านมามีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของแนวโน้มเศรษฐกิจไทย หลังจากหลายค่ายออกมาปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ทั้งปี 57 และปี 58 โดยล่าสุดกระทรวงเกษตรตั้งงบประมาณเพื่อปรับโครงสร้างข้าวและยางจำนวน 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวมากกว่าที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ในขณะที่เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน – 3Q/57 ที่คาดอาจมีแรงเก็งกำไร (+ / -) โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่คาดทยอยประกาศในช่วงปลายสัปดาห์หน้า
.....ประกอบกับการที่รัฐบาลและ คสช. ยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก เริ่มส่งผลกระทบอาจทำให้ฤดูท่องเที่ยวในช่วง 4Q/57 ที่เป็นไฮซีซั่นอาจเกิดภาวะซบเซากว่าปีที่ผ่านมา
.....นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
.....ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ 87 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบทางลบต่อ PTTEP และหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นทั้ง TOP, PTTGC, IRPC, BCP และ ESSO จะมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากในช่วง 3Q/57 ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.00 อยู่ที่ 2.33% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +3.65 อยู่ที่ 18.76
หุ้นแนะนำ : SAMTEL
ประเด็นที่ต้องติดตาม (10 ตค.’57)
10/10/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - กย.
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789