- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 October 2014 15:46
- Hits: 1900
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หลังจาก SET ดีดกลับให้ทำกำไรแล้ว ถัดจากนี้ต้องเริ่มระวังไหลลงใหม่!
กลยุทธ์ : หลังจากแนะนำให้เข้าเทรดดิ้ง เพื่อหาจังหวะขายทำกำไรช่วงบวกไปแล้ว แต่เนื่องจากเราคาดว่าการขยับขึ้นของ SET ช่วงนี้จะยังมีกรอบขึ้นค่อนข้างจำกัด และสุดท้ายยังมีแนวโน้มที่จะกลับไปปรับตัวลดลงหา 1500 จุดหรือหลุดต่ำกว่าได้ด้วย ดังนั้นถัดจากนี้จึงควรเน้นหาจังหวะขายทำกำไรโดยเฉพาะช่วงรีบาวด์ และเริ่มชะลอการเข้าซื้อเพื่อเทรดดิ้งไว้ก่อนดีกว่า เพื่อรอหาจังหวะซื้อกันใหม่เมื่อดัชนีไหลลงไปใกล้ระดับดัชนีเป้าหมายอีกครั้ง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : WHA, DCC, DTAC(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาปรับตัวลงแรงอีกครั้ง โดยปรับตัวลดลงถึงเกือบ 2% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และผลกระทบที่มีต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชน หลังเยอรมนีรายงานยอดส่งออกหดตัวลงในเดือน ส.ค. รวมทั้งการที่ประธาน ECB แสดงความกังวลต่อการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจยูโรโซน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็กลับไปปรับตัวลงแรงอีกครั้งเช่นกัน ขณะที่ SET รีบาวด์ช่วงสั้นขึ้นมา 2 วันติดต่อกันด้วยระยะทางพอควรแล้วด้วย ซึ่ง FSS คาดว่าการรีบาวด์ขึ้นมารอบนี้ของ SET ยังเป็นเพียงระยะสั้น เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุนเพิ่มเติม ทำให้โอกาสที่ SET จะกลับไปปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพื่อไหลลงหาระดับดัชนีเป้าหมายแถว 1500 จุดหรือหลุดต่ำกว่าจึงมีความเป็นไปได้มากกว่าอยู่ ดังนั้นช่วงถัดจากนี้ต้องเริ่มระวังการกลับไปแกว่งตัวลงต่อเนื่องอีกครั้งไว้ด้วย โดยจะน่าสนใจกลับไปเลือกหุ้นเพื่อซื้อเทรดดิ้งอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อดัชนีไหลลงไปแถว 1500 จุด(+/-) ก่อน
แนวรับ 1558-1556 , 1553-1550 จุด แนวต้าน 1563-1565 , 1570-1574 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกกลับมาไหลเข้าภูมิภาคแต่เบาบางเพียง US$12ล้าน หลังจากไหลออก 4 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดทั้งตลาดหุ้น พันธบัตร และอนุพันธ์ แนวโน้มกระแสเงินทุนในภูมิภาคน่าจะยังเบาบางต่อจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกภายหลัง IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวลง ตลาดหุ้นเกาหลีปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องในวันภาษาเกาหลี และวันนี้ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการเนื่องในวันชาติ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว หลังผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ที่ 2.87 แสนรายต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2008-09 สะท้อนตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 2.3106% ต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง ดาวโจนส์ร่วงหนัก จะเห็นว่าเม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำทันที จากนี้ไปแนวโน้มดอลลาร์จะผันผวนไปในทางแข็งค่า โดยสัปดาห์หน้าจะมีรายงาน Beige Book และ 28-29 ต.ค. มีประชุม Fed ซึ่งน่าจะกดดันค่าเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง ไม่เป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง
(+) RML เราคาดกำไรปกติ 3Q14 ที่ 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% Q-Q และ 178% Y-Y จากการโอนโครงการ 185 ราชดำริและเดอะริเวอร์ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2014 ขึ้น 19% โดยปรับรายได้โอนเพิ่มขึ้นเพราะโอนได้เร็วกว่าที่คาด ทำให้กำไรปี 2014 โตสูงถึง 100% Y-Y แต่คงประมาณการปี 2015 ไว้ซึ่งทำให้กำไรหดตัว 6% Y-Y จากเดิมที่คาดเติบโต 12% เราจึงปรับ Target PE ปี 2015 ลดลงเล็กน้อยเป็น 6 เท่าจากเดิม 6.5 เท่า ราคาเป้าหมายปี 2015 จึงลดลงเล็กน้อยเป็น 2.40 บาท จากเดิม 2.60 บาท แต่ยังคงแนะนำซื้อ และคาดว่าจะจ่ายปันผล 0.10 บาท/หุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
(+) GFPT แนวโน้มกำไรสุทธิใน 2H14 จะทรงตัวได้ดีแต่อัตราการเติบโตเริ่มแผ่วลงจากฐานสูงในครึ่งปีแรก โดยคาดกำไรสุทธิ 3Q14 โตเล็กน้อย 1.7% Q-Q จากปริมาณไก่ส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 19% Y-Y จากราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น เราปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2014-15 ขึ้น 11% และ 13% ตามลำดับ เป็นเติบโต 24% Y-Y ในปี 2014 และ 12% Y-Y ในปี 2015 และเพิ่ม Target PE เป็น 13 เท่าจากเดิม 12 เท่า และปรับราคาเป้าหมายปี 2015 ขึ้นเป็น 22 บาทจากเดิม 17.60 บาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมา 2 วันนี้ทำให้ upside แคบลงจนเราลดคำแนะนำเป็นถือหรือรอซื้อเมื่ออ่อนตัว จากเดิมซื้อ
(-) PTTEP เราคาดกำไรสุทธิ 3Q14 จะลดลง 31% Q-Q และ 29% Y-Y เพราะไม่มีกำไรจาก Asset swap เหมือนไตรมาสก่อนๆ ส่วนกำไรปกติ คาดลดลง 23% Q-Q และ 26% Y-Y เพราะรายได้ค่อนข้างทรงตัว แม้ปริมาณขายจะเพิ่มแต่ชดเชยไปกับราคาขายที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และมีค่าตัดจ่ายหลุมแห้งสูงถึง US$110 ล้าน และค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้น Q-Q เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2014-15 ลง 9% และ 6% ตามลำดับ เป็นเติบโต 11% ปีนี้และโตเพียง 4% ปีหน้า จากการปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ 2014-15 ลงปีละ US$5/บาร์เรล เหลือ US$95/บาร์เรลปีนี้ และ US$90/บาร์เรลปีหน้า จากภาวะ Oversupply ที่น่าจะมีต่อไปจนถึงปีหน้า ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2015 เป็น 167 บาทจากเดิม 190 บาท (DCF) และปรับลดคำแนะนำลงจากซื้อ เป็นถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมากลับมาดิ่งลงอีกครั้งเกือบ 2% โดยนักลงทุนมองข้ามเรื่องผลประกอบการของบริษัทและรายงานทางเศรษฐกิจ โดยกังวลในเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยูโรโซน
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดในแดนลบต่อเนื่องท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนโดยตลาดกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคที่อาจชะลอตัวหลังตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงหลังออกมาน่าเป็นห่วง
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น โดยบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเป็นลบจากความกังวลในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแรงวานนี้จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.32-32.50 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ร่วงลง 1.54 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 85.77 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์ของน้ำมันขณะที่อุปทานยังคงมาก
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งแรง 19.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,225.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นถูกแรงเทขายอย่างรุนแรงโดยตลาดกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10-12 ต.ค. - IMF annual meeting
13 ต.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)
13-21 ต.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารประกาศงบการเงิน 3Q14
14 ต.ค. - ไทย: FSMART เทรดวันแรก (ราคา IPO 2.50 บาท)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ต.ค.)
15 ต.ค. - จีน: เงินเฟ้อ (ก.ย.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีกและเงินเฟ้อ (ก.ย.)
16 ต.ค. - สหรัฐ: รายงาน Fed Beige Book
17 ต.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ย.)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ก.ย.)
21 ต.ค. - จีน: 3Q14 GDP
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852