WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“ซื้อ/ถือตามค่าบวก”
      • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : VGI (จากถือเป็นซื้อ), TCAP TISCO (จากซื้อเป็นถือ)
      สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้มีรีบาวด์ ปิดตลาด SET บวก 4 จุดที่ 1543.39 โดยนักลงทุนระมัดระวังการลงทุน และรอดูรายงานผลประชุมเฟดว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและทิศทางอัตราดอกเบี้ยอย่างไร นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาด Equity 2.6 พันล้านบาทพอร์ตบล.ขายสุทธิต่อ 700 กว่าล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ สำหรับวันนี้ บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น หนุนโดยรายงานการประชุมเฟดในเดือนก.ย.ที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากจบโครงการ QE (ซึ่งคาดว่าจะยุติในการประชุม FOMC ในเดือนต.ค.นี้)รวมทั้งมีคณะกรรมการเฟดบางคนมองว่าค่าเงิน US$ ที่แข็งขึ้นจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนตัวสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ได้ ซึ่งเป็นอีกสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเฟดจะยังไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ส่วนในประเทศก็มีเรื่องการเร่งใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล การเดินหน้าปฎิรูปประเทศและการทำ Preview ผลประกอบการไตรมาส 3/57 อย่างไรก็ดี ตลาดยังกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการฟื้นตัวของภาคส่งออกของไทยที่ล่าช้าซึ่งมูลค่าส่งออกคิดเป็นประมาณ 60-65% ของ GDP ไทย ในเชิงกลยุทธ์ หาก SET เด้งขึ้นจำกัด (ไม่กลับขึ้นไปยืนเหนือ 1570) ก็ขายออกไปก่อน การอ่อนตัวต่ำกว่า 1535 ก็ควรลดพอร์ต/Stop loss อีกรอบ สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุนวันนี้เป็น TTA

       การวิเคราะห์ทางเทคนิค : เน้นซื้อค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น โดยหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ได้แก่TUF, SEAOIL, MAX, LPN (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit รอบสั้น คือACD, PCSGH หุ้นหลุด List MIDA

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
     - จีน : PMI ภาคบริการเดือนก.ย.ลดลงเป็น 53.5 จาก 54.1 ในเดือนส.ค. บ่งชี้ว่าภาคบริการขยายตัวในอัตราที่น้อยลง ... นักเศรษฐศาสตร์HSBC ประเมินว่าทางการจีนน่าจะมีการปรับนโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวในไม่ช้านี้

      + สหรัฐ : รายงานการประชุมเฟดชี้ว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งนี้ในรายงานผลประชุมเฟดเมื่อ 16-17 ก.ย.57 ระบุว่า "สัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward Guidance) ของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed FundRate) ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นหลังจากโครงการซื้อสินทรัพย์สิ้นสุดลง" ซึ่งโครงการ QE จะยุติลงใน 4Q57 นี้ นอกจากนั้นกรรมการเฟดบางคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงช่วงขาลงของเศรษฐกิจ และการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ที่อาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเคลื่อนไหวสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

    + ตลาดหุ้นสหรัฐ : DJIA พุ่ง 274.83 จุด (+1.64%) ดัชนี S&P500เพิ่ม 33.79 จุด (+1.75%) ปัจจัยหนุน คือ รายงานการประชุมเฟดรอบเดือนก.ย.ที่บ่งชี้ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว

     - สัญญาน้ำมันดิบร่วงต่อ โดย WTI ส่งมอบพ.ย.ลดลง 1.54 ดอลลาร์ปิดที่ 87.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 73 เซนต์ ปิดที่ 91.38ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรายสัปดาห์สิ้นสุด 3 ต.ค.เพิ่มเกินคาดที่ 5 ล้านบาร์เรลเป็น 361.65 ล้านบาร์เรล (คาดไว้ที่ 1.9 ล้านบาร์เรล)

     - สัญญาทองคำ COMEX ลดลง โดยสัญญาส่งมอบธ.ค.ลดลง 6.4ดอลลาร์ ปิดที่ 1,206 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยหลักมาจากแรงขายทำกำไรปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น

       •/+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : กำไร 3Q57 ไม่ตื่นเต้นแต่จะดีขึ้นใน4Q57 และปี 58 ฝ่ายวิจัยฯ DBS ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 3/57ของ 7 ธนาคารที่วิเคราะห์ไว้ที่ 48.4 พันล้านบาท เติบโต 5.2%YoY และ1.1%QoQ ซึ่งไม่น่าตื่นเต้น เนื่องจากการฟื้นตัวของสินเชื่อยังเชื่องช้ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยชะลอตัว และหลายธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม NIM ดีขึ้นเล็กน้อย (ในบางธนาคาร) เพราะต้นทุนทางการเงินลดลง ในด้าน NPL พบว่าบางธนาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯ สูง คาดว่า KTB จะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิไตรมาส 3/57 โดดเด่นที่สุด เนื่องจากตั้งสำรองค่าเผื่อฯน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มไตรมาส 4/57 และปี 58 เติบโตดีขึ้นเป็นลำดับ โดยคาดว่าสินเชื่อเพื่อลงทุนและอุปโภคบริโภคจะขยายตัวได้ดีกว่าสินเชื่อรายย่อย ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight หุ้น Top Picks เป็นKBANK (ราคาพื้นฐาน 290 บาท) และ TMB (ราคาพื้นฐาน 3.6 บาท)

    • กำลังพิจารณาแผนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ...จะได้ข้อสรุปภายในต.ค.นี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมกล่าวว่า ได้รับงบประมาณในการพัฒนาศักยภาพด้านขนส่งทางอากาศกว่า 24,000 ล้านบาท (รวมการขนส่งรถโดยสารสาธารณะ และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์เชื่อมต่อระหว่างดอนเมือง-สุวรรณภูมิ) ส่วนโครงการขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิยังเดินหน้าต่อ โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อพิจารณาว่าการขยายสนามบินระยะที่ 2 กับการลงทุนในโครงการใหม่อย่างไหนจะคุ้มค่ามากกว่า คาดว่าใช้เวลาศึกษาราว 1 สัปดาห์ก่อนเสนอครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป

      •/+ กลุ่มท่องเที่ยว : กรมการท่องเที่ยวเปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 9M57 เข้าไทย 17.5 ล้านคน ลดลง 10%YoY สร้างรายได้8.06 แสนล้านบาท ลดลง 7%YoY โดยนักท่องเที่ยวที่ลดลงสูงสุด ได้แก่ตลาดตะวันออกกลาง (-14%) รองลงมาเป็น โอเชียเนีย และยุโรป ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย เริ่มทยอยเดินทางมาไทยตามปกติ

     ความเห็น Retail Research : แม้ว่าการท่องเที่ยวใน 9M57 จะซบเซาลงแต่คาดว่าจะเริ่มกระเตื้องขึ้นตั้งแต่ 4Q57 ซึ่งเป็น High season และน่าจะดีต่อเนื่องไปในปี 58 หลังการเมืองไทยสงบ ส่วนการไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกเราคาดว่ามีผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวบ้างแต่ไม่ถึงกับรุนแรง เมื่อพิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยกลับเข้ามาในไทย เรายังชอบหุ้นที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว & โรงแรม ตัวเด่น คือ AOT, CENTEL, MINT

      • ก.พลังงานมีแผนทยอยขึ้นราคา LPG เดือนละ 0.50 บาท/กก.กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอแผนการปรับโครงสร้างราคา LPG เพื่อสะท้อนต้นทุนที่ 27.85 บาท/กก. ซึ่งราคา LPG ขนส่งจะต้องขึ้นอีก 5.85 บาท/กก.และ LPG ครัวเรือนขึ้นอีก 5.22 บาท/กก. โดยจะใช้วิธีทยอยขยับเดือนละ0.50 บาท/กก.เป็นเวลาประมาณ 1 ปี

ความเห็น Retail Research : เป็นบวกกับ PTT ที่จะทยอยมีผลขาดทุนในธุรกิจ LPG น้อยลง อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงทำให้มีผลขาดทุนในสต็อก เชิงกลยุทธ์ ซื้ออ่อนตัวใน PTT

+ BEC : ศาลปกครองไกล่เกลี่ย "ช่อง 3- กสท." ได้ข้อยุติร่วมกันแล้วโดยอะนาล็อกไปออกคู่ขนานในช่อง 33 HD และ 43 ในระบบดาวเทียมด้วยบริษัทเตรียมยื่นผังอะนาล็อกภายใน 10 ต.ค.57 เพื่อให้สามารถออกคู่ขนานได้ทันก่อนเส้นตาย 11 ต.ค. ผู้บริหาร BEC ยอมรับว่าจะกระทบผังรายการและรายได้จากโฆษณา ประเมินความเสียหายเบื้องต้นไว้ที่ 400 ล้านบาทความเห็น Retail Research : ความวิตกกังวลเรื่องจอดำของช่อง 3 ในทีวีเคเบิ้ลและทีวีดาวเทียมผ่อนคลายลงเมื่อจะมีการออกคู่ขนานกันทั้งระบบอะนาล็อก ช่อง 33 HD และ 43 ดาวเทียม และเมื่อกรณีนี้เรียบร้อยทาง BEC ก็สามารถเดินหน้าธุรกิจได้อย่างเข้มข้นมากขึ้น โฆษณาต่างๆ ที่ชะลอไปในช่วงที่มีความไม่แน่นอนก็มีโอกาสจะกลับมา สำหรับความเสียหายเบื้องต้น 400 ล้านบาทนั้นคิดเป็น 0.20 บาท/หุ้น BEC ขณะที่ราคาหุ้นร่วงลงกว่า 10 บาท/หุ้น ซึ่งสะท้อนข่าวลบเรื่องนี้ไปแล้ว

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!