- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 October 2014 17:58
- Hits: 1803
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : GAPแนวรับหลัก 1530 / 1,521
Technical : แนวรับ : 1,537 /1,530 แนวต้าน : 1,550 / 1,560
หุ้นแนะนำพิเศษ : KBANK แนวรับ 220 / 213 แนวต้าน 227 / 232
หุ้นเด่นรายวัน : AIE
วันอังคารตลาดหุ้นไทยปิดลบต่อแต่ไม่มาก ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,539.39 จุด ลดลง 3.74 จุด(-0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 48,183.88 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 144.76 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,520-1,569 การปรับตัวลงสร้างจุดต่ำ 1,534.42 ได้ตอบรับเรื่องผลประชุม ครม.ที่ยังไม่ได้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก ระยะสั้นมีโอกาสที่จะเกิดแรงซื้อกลับคืนเข้าตลาดต่อเนื่องราคาที่ปรับลงมาก ในขณะที่ SET50 ระยะสั้นวกกลับเหนือ 1,030 ไม่ได้มีความเสี่ยงปรับตัวลงเพื่อปิดGAP 1,025-1,019 แนวรับหลักจุดต่ำแท่งเทียน 1,012 อาจมีการกลับตัวขึ้นทางเทคนิคหากปรับลงแรง GFV14 เก็งกำไรในกรอบ 18,680-18,980 GFZ14 เก็งกำไรในกรอบ 18,740-19,040
กลยุทธ์ ตลาดเริ่มมีแรงซื้อกลับคืนเข้ามาสอดคล้องกับSETที่มีการปรับตัวลดน้อยถอยลง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกจากตลาดยังมีการกลับเข้าซื้อเพื่อเล่นรอบระยะสั้น(รายหลักทรัพย์ที่ปรับลงแรงต่อเนื่องหรือไม่สร้างจุดต่ำกว่าวันก่อนหน้า) กลุ่มธนาคาร KTBคาดQ3เพิ่มขึ้น 8%yoy และ28%qoq BBLคาดQ3ลดลง 2%yoy และ3%qoq KBANKคาดQ3เพิ่มขึ้น 8%yoy แต่ลดลง2%qoq SCBคาดQ3เพิ่มขึ้น 7%yoy แต่ลดลง7%qoq กลุ่มสื่อสาร TRUE ADVANC กลุ่มรับเหมา CK STEC หุ้นรายหลักทรัพย์ CPALL GENCO MINT ระยะกลาง ปรับลงแรงซื้อเพิ่มเล็กน้อย
หุ้นแนะนำพิเศษ
KBANK (ราคาปิด 223 ซื้อ เป้าหมาย 268) ปัจจัยพื้นฐานของ KBANK ยังแข็งแกร่งจากการแบงก์ขนาดใหญ่ที่มีพอร์ตสินเชื่อกระจายตัวดีและมีประสิทธิภาพในการบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้ผลประกอบการยังมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง คาดกำไร 3Q57 ราว 11,548 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8%yoy แต่ลดลง 2%qoq คาดกำไร 9M57 ราว 35,219 ล้านบาทเติบโต 11% ซึ่งคิดเป็น 76% ของประมาณการทั้งปีที่ 4.6 หมื่นล้านบาทเติบโต 12% สำหรับประมาณการกำไรปี 58 คาดกำไรสุทธิราว 5.2 หมื่นล้านบาทเติบโต 12%
หุ้นเด่นรายวัน
AIE(ปิด 3.94 ซื้อเก็งกำไร) คาดผลประกอบการ 3Q57 พลิกมีกำไรจากที่ขาดทุนสุทธิกว่า 16 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพราะไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบซึ่งไตรมาสนี้คาดว่าจะไม่มีรายการดังกล่าว ส่วนแนวโน้ม 4Q57 คาดกำไรสุทธิยังขยายตัวต่อเนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลที่ 11 ล้านลิตรใน 3Q57 เป็น 14-15 ล้านลิตรใน 4Q57 และยังได้แรงหนุนจากโครงการนำเมทานอลที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่( methanol recovery) ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ปรับตัวสูงขึ้น
TVD (ราคาปิด 3.6 ซื้อเก็งกำไร) ธุรกิจฟื้นตัวชัดเจนทั้งธุรกิจประกันและตัวแทนจำหน่าย Set Top Box หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลังโดดเด่น ผู้บริหารลุ้นพันธมิตรญี่ปุ่นจ่อถือหุ้นเพิ่ม คาดได้ข้อสรุป Q1/2558 ส่วนไตรมาส 4 เชื่อยอดขายโตกระฉูด หนุนรายได้แตะ 2.6 พันล้านบาท (ที่มา : ทันหุ้น)
IEC (ราคาปิด 0.03 ซื้อเก็งกำไร) เตรียมเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่หาดใหญ่เดือนพ.ย.นี้ กำลังการผลิตติดตั้ง 6.7 เมกกะวัตต์ ได้สัญญายาว 30 ปี รับ Adder จำนวน 3.5 บาทต่อหน่วย (ที่มา : ข่าวหุ้น)
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* ACD / DIMET / EMC / EVER / GENCO / SST / TAKUNI มีผลบังคับใช้ 1 ก.ย. - 10 ต.ค. 57
* BKD / CSS / SUPER-W1 / TFI มีผลบังคับใช้ 8 ก.ย. - 17 ต.ค. 57
* ABC / BMCL / E / EE / KC / MAX / NUSA / RASA / RPC / SEAOIL / SPVI มีผลบังคับใช้ 15 ก.ย. - 24 ต.ค. 57
* CHUO / CKP / EIC / GUNKUL / MILL-W2 / MLINK / PAE / PF / TCC / XO มีผลบังคับใช้ 22 ก.ย. - 31 ต.ค. 57
* AQ / CYBER / IFEC / KTP / PRINC/ SLC / TGPRO / WIIK มีผลบังคับใช้ 29 ก.ย. - 7 พ.ย. 57
*AJD / BGT / CEI / CGD / DNA / MILL / PE / PRECHA / TH / THANA / TPOLY มีผลบังคับใช้ 6 ต.ค. - 14 พ.ย. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : ลดลง 272.52 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลดลง 272.52 จุด หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปี 58 ลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.4% และ 4% เหลือขยายตัวเพียง 3.3% และ 3.8% ตามลำดับ โดยไอเอ็มเอฟให้เหตุผลถึงการปรับลดคาดการณ์ว่า เป็นเพราะความอ่อนแอของเศรษฐกิจในยูโรโซน และการชะลอตัวในตลาดเกิดใหม่หลายๆแห่ง ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ของเยอรมนีที่ลดลง 4% จากเดือนก.ค. ที่ขยายตัว 1.6% และเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 5 ปีทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ลดลง 272.52 จุด หรือ -1.60% ปิดที่ 16,719.39 จุด ดัชนี NASDAQ ลดลง 69.60 จุด หรือ -1.56% ปิดที่ 4,385.20 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 29.72 จุด หรือ -1.51%ปิดที่ 1,935.10 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 1.49ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปี 58 ลงจากเดิม 0.1% และ 0.2%ตามลำดับ นอกจากนี้ตลาดยังมีแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2529 และรายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2555 ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 88.85 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 92.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]
Assistant : ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์