- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 November 2019 15:57
- Hits: 1388
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งรอข่าวใหม่”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : DELTA (จาก FULLY VALUED เป็นถือ)
ภาวะตลาดเมื่อวานนี้ : SET วานนี้แกว่งแคบ ปิดตลาด -2.11 จุดที่ 1607.27 เนื่องจากรอข่าวใหม่ นักลงทุนเลือกซื้อเก็งกำไรแบบหวัง Gap ไม่มากเป็นรายบริษัท นลท.ต่างชาติขายสุทธิ 1.07 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือกระจายกันซื้อสุทธิ สำหรับ YTD ต่างชาติขายสุทธิสะสม 1.6 หมื่นล้านบาท พอๆกับขายสุทธิของพอร์ตบล. ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 2.8 หมื่นล้านบาท เท่าๆกับการซื้อสุทธิของนลท.สถาบันในประเทศ
วิเคราะห์ภาพตลาดและกลยุทธ์ : ในระยะสั้นมากตลาดยังมีความหวังกับการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกของสหรัฐกับจีน ซึ่งทั้งสองประเทศให้ข่าวว่าขณะนี้กำลังเจรจาขั้นตอนสุดท้ายแต่ก็ไม่ได้ระบุว่าระยะเวลาที่แน่นอน ส่วนประมาณการ GDP ไตรมาส 3/62 ของสหรัฐครั้งที่ 2 ที่ เติบโต+2.1%YoY ดีกว่าคาดการณ์เดิมก็เป็นปัจจัยช่วยหนุนด้วย ดัชนี Core PCE เดือนต.ค.ของสหรัฐที่ 1.6% ถือว่าอยู่ในระดับดี ไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป ด้านราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลก ถ้าสงครามการค้าคลี่คลายลง ราคาน้ำมันและสเปรดปิโตรเคมีก็ปรับขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนนักเพราะเราเชื่อว่าสงครามการค้าจะยืดเยื้อต่อในปี 63 ส่วนในประเทศ สิ่งที่ดีขึ้นคือ การจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยว เพราะอยู่ใน High season และรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ผลดีอย่างมาก แต่ก็ช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ย่ำแย่เกินไป สำหรับ LTF คาดว่าจะช่วยประคองตลาดหุ้นไทยใน 1 เดือนข้างหน้าอีกแรงหนึ่ง โดยรวมน้ำหนักปัจจัยในระยะสั้นบวกมากกว่าลบ แต่ในระยะกลาง (คือปี 63) ยังมีความไม่แน่นอนหลายประการกลยุทธ์การลงทุน : การเก็งกำไรรอบสั้นกลุ่มโภคภัณฑ์ ท่องเที่ยว ค้าปลีก ที่อิงกับ Stories สงครามการค้าผ่อนคลาย & มาตรการกระตุ้น เน้นซื้อตามด้วยค่าบวกและหวัง Gap กำไรไม่มาก ส่วนการถือลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังให้น้ำหนักมากในหุ้น Defensive, หุ้นจ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ
Stock Pick Today : ADVANC ราคาหุ้นอ่อนตัวลงเพราะกังวลกับสงครามราคาในส่วน Prepaid ที่จะกลับมาอีกรอบ หลัง TRUE ประกาศว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และอาจทำให้ ARPU จะลดลง อย่างไรก็ตาม เรามองว่าธุรกิจยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในส่วนบรอดแบนด์ และการลงทุนใน 5G ไม่กระทบบริษัทมากเพราะจ่ายค่าใบอนุญาตปีแรกเพียง 10% แล้วปลอดหนี้ 3 ปี แล้วค่อยไปเริ่มทยอยจ่ายในปีที่ 5 เป็นต้นไป เชื่อว่า ADVANC จะยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจสื่อสารของไทย คาด Dividend yield 3+%ต่อปี แนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 266 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ การอ่อนตัวต่ำกว่า 1600 ดูไม่ดี ควรลดพอร์ตตาม โดยมีแนวรับย่อย 1580-1570 ส่วนการอ่อนตัวที่ไม่หลุด 1600 หรือบวกขึ้น จะมีแนวต้านระยะสั้น 1620-1630 หุ้นเทคนิคเด่นที่แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวกคือBCP, BH
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ - น้ำหนักลงทุน Neutral (เดิม Underweight)
Company Guide : DELTA (ถือ -ราคาพื้นฐาน 51.00)
Flash Note : AOT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 90.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สงครามการค้า : คาดจะมีการลงนามสัญญาเฟสแรกเร็วๆนี้
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลงการค้า ขณะที่นางเคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ซึ่งกล่าวว่าสหรัฐและจีนกำลังใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก หลังจากเจ้าหน้าที่การค้าของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันทางโทรศัพท์
+ สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่าคาด
# อัตราการขยายตัวของ GDP ไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ +2.1% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ +1.9% โดยได้แรงหนุนจากมูลค่าของสินค้าคงคลังและการลงทุนในโครงสร้างที่ได้รับการปรับทบทวนเพิ่มขึ้น
# ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปปรับตัวขึ้น +0.6% ในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ -1.1%
# ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐ +1.3%YoY ในเดือนต.ค. และทรงตัว MoM ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ให้ความสำคัญ +1.6%YoY
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปรับขึ้นเล็กน้อย
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 28,164.00 จุด เพิ่มขึ้น 42.32 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,153.63 จุด เพิ่มขึ้น13.11 จุด หรือ +0.42% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,705.17 จุด เพิ่มขึ้น 57.24 จุด หรือ +0.66% ทั้งนี้ตลาดมีความหวังว่าสหรัฐกับจีนจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกในเร็วๆนี้ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 3 ประมาณการครั้งที่ 2ดีกว่าคาด
- ราคาน้ำมันดิบ : อ่อนลงหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ -0.5% ปิดที่ 58.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง21 เซนต์ หรือ -0.3% ปิดที่ 64.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 418,000 บาร์เรล
# รายงานของ EIA ยังระบุว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.9 ล้านบาร์เรล/วัน
- ราคาทองคำ : ปิดลดลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.60 ดอลลาร์ หรือ -0.45% ปิดที่1,460.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 3 ดีกว่าคาด และค่าเงิน US$ แข็งขึ้น
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- ไทย : MPI เดือนต.ค.ลดลง -8.45%YoY แย่กว่าคาด
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 95.70 หดตัวมากกว่าคาดที่ -8.45%YoY ทั้งนี้เป็นเพราะมีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐที่ยืดเยื้อมานาน 2 ปีแล้ว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้การผลิตอุตสาหกรรมเพื่อ ส่งออกหดตัว อัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 62.83% สำหรับทั้งปี 62 ทางสศอ.คาดว่าดัชนี MPI จะ -3.8%YoY
+ ยอดใช้จ่าย ชิมช้อปใช้ กระเตื้องขึ้นเพราะเข้าสู่ High season ของการจับจ่ายใช้สอยปลายปี
# กระทรวงการคลังเปิดเผยว่ายอดการใช้จ่ายเงินชิมช้อปใช้ในกระเป๋าสองเพื่อรับเงินแคชแบ๊กคืน 15-20% ล่าสุดมีคนใช้จ่ายแล้ว 1.7 แสนคน คิดเป็นวงเงินใช้จ่าย 3,600 ล้านบาท คิดเป็นยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันจากเดิมวันละ 300 ล้านบาทเพิ่มเป็นวันละ 400 ล้านบาท และมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายเพิ่มจาก 3,000 บาทต่อคน เป็น 20,000 บาทต่อคน คาดว่าภายในเร็วๆ นี้จะมียอดใช้เงินในกระเป๋าสอง 10,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย
• การเมือง & เศรษฐกิจ : ไทย-ฮ่องกงจะ MOU หุ้นส่วนเศรษฐกิจ 29 พ.ย.นี้
# นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่าในวันที่ 29 พ.ย.นี้ นางแครี่ แลม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จะเดินทางมาไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ฮ่องกงเป็นครั้งแรกกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แลจะลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 6 ฉบับ โดยฉบับแรกถือเป็นฉบับใหญ่ที่สุด โดยเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลที่มีเนื้อหาครอบคลุมความร่วมมือในการพัฒนาทุกด้านส่วน MOU ที่เหลือจะเป็นกรอบการพัฒนาที่แยกออกเป็นด้านต่างๆ เช่น อุตสาหกรรม การเงิน และนวัตกรรม
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]