- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 November 2019 16:27
- Hits: 4292
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“หุ้นกลุ่มชิป สหรัฐพุ่ง-MSCI มีผลวันนี้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +17.08 จุด ปิดที่ 1614.80 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเป็น 47 พันล้านบาท ดัชนีปรับขึ้นดีกว่าเพื่อนบ้าน ดัชนีอยู่ในแดนบวกตลอดวัน เจรจาการค้าพลิกบวก นักลงทุนเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และมีแรงซื้อ LTF หนุนในช่วงปลายปี และวันนี้ MSCI มีผลแล้ว แรงซื้อกระจายเข้ามายังกลุ่มสื่อสาร พาณิชย์และธนาคาร เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ สถาบัน และต่างชาติ ขายสุทธิมากเป็นรายย่อย ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิ 246 ล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: จีนแสดงท่าทีใกล้เจรจาสำเร็จ น้ำมันปรับขึ้น ทองร่วง ด้านบวกคือ เข้าใกล้ลงนามเฟส 1 หนังสือพิมพ์จีนรายงาน และจีนเพิ่มการลงโทษละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หุ้นยุโรป ลอนดอนปรับขึ้น ดาวโจนส์-น้ำมันเพิ่มได้ นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น คือราคาทองคำและพันธบัตรปรับลง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับขึ้น และดัชนีกังวล (Vix) ปรับลง ด้านลบคือ เศรษฐกิจไทยชะลอ และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น หลังหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พ้นจากตำแหน่ง สส. ติดตามพัฒนาการต่อไป
# ระยะสั้นคาด SET- มีโอกาสปรับขึ้นต่อ รับข่าวเจรจาการค้าบวกมากขึ้น เก็งกำไรโภคภัณฑ์ คาดว่ากลุ่มที่ได้รับความนิยมคือ ส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ พลังงานและปิโตรเคมี ด้านหุ้น PORT ได้ย้ายมา SET วันนี้ และหุ้นจอง BAM ทราบราคาสุดท้าย 2 ธ.ค.นี้ จากช่วง 15.50-17.50 บาท เราคาดว่า SET ซื้อขายในกรอบ 1580-1630จุด แนวต้านเป็น 1620-1630 จุด แนวรับอยู่ที่ 1580-1550 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1600 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme หุ้นกลุ่ม REITs และ IFFS ถือว่าน่าสนใจ จากแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ ด้านหุ้นเข้า-ออก MSCI มีผลวันนี้แล้วคือ 26 พ.ย.62 หุ้นขนาดใหญ่ เข้า- BGRIM,GPSC,OSP,SAWAD หุ้นออก- ไม่มี หุ้น Small Cap: เข้า- CENTEL,DOHOME, JMT,SPRC,STPI,TPIPP,TQM หุ้นออก- CBG,SAWAD,TISCO ด้านหุ้นจีนที่ได้น้ำหนักเพิ่ม ส่งผลให้การถ่วงน้ำหนักหุ้นไทยลงเล็กน้อย สำหรับแรงซื้อ LTF ปลายปี และเป็นปีสุดท้ายช่วยหนุน SET
# Stock Pick Today : IRPC 3Q62 เกิดขาดทุนสุทธิมากถึง 1.32 พันล้านบาท แต่คาดการณ์ 4Q62 กลับมาฟื้นตัวดี เพราะมีโอกาสขาดทุนสต็อกลดน้อยลง และมีกำไรจากการทำ Hedging เกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก IMO สูงสุดในกลุ่ม เพราะหน่วยการกลั่น สามารถทำ GO yield ได้สูงสุดที่ราว 53%คาดว่ามีส่วนลด (downside) จากธุรกิจ polypropylene ที่จำกัดแล้ว แนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 4.20 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/BV ที่ 0.93 เท่า (-2 SD จากค่าเฉลี่ยถึง 5ปี) ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 19%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆที่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆต่อ(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1620 (หรือ 1630) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” / แนวรับย่อย “1580 – 1570 (หรือ 1550)” จุด}คาดหุ้น New High เข้ามาใหม่คือSTPI,DELTA,IRPC,PTTGC,CHAYO,PSL ที่ยังอยู่ใน List คือTASCO,MEGA,MTC,JMT,KTB,GLOBAL หุ้นหลุด List ไม่มี หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ GPSC,MINT,SCC,KCE,IVL,SISB
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : AP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.20)
In The News : GLOW (ราคาปิด 90.25 บาท) : วันที่ 28 พ.ย.นี้จะสิ้นสุดการตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นGPSC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 103.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า
# ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ หลังจากโกลบอล ไทม์ส ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์จีน เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ @globaltimesnews ว่า ขณะนี้จีนและสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว และจีนยังคงมีความยินดีที่จะเจรจาข้อตกลงการค้าต่อไปในอีกหลายเฟสตามมา
+ จีน: รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายเพิ่มโทษแก่ผู้ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
# รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายเพิ่มโทษแก่ผู้ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องที่สำคัญจากสหรัฐในระหว่างการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ นอกจากนี้จีนยังตั้งเป้าที่จะลดจำนวนการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาภายในปี 2565 โดยกำหนดให้ผู้ถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้รับค่าชดเชยสะดวกขึ้น และลดเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการลงโทษทางอาญากับผู้ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
• สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจให้ติดตามในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค., ราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board,ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.,ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค.
+ ตลาดหุ้นยุโรป และลอนดอนปรับขึ้น หลังเจรจาการค้าคืบหน้า ควบรวมกิจการ และเลือกตั้งอังกฤษ
# ตลาดหุ้นยุโรป ได้แรงหนุนจากข่าวควบรวมกิจการของบริษัทหลุยส์ วิตตองของฝรั่งเศสกับบริษัททิฟฟานีของสหรัฐ และการควบรวมกิจการของบริษัทโนวาร์ติสของสวิตเซอร์แลนด์กับบริษัทเมดีซีน คอมพานีของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับความหวังที่สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าเร็วๆ นี้
# ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าสหรัฐ-จีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก และแนวโน้มที่พรรคอนุรักษ์นิยมจะชนะการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษในเดือนหน้า ได้ช่วยหนุนตลาดขึ้นด้วย
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปรับขึ้น มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,066.47 จุด พุ่งขึ้น 190.85 จุด หรือ +0.68% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,133.64 จุด เพิ่มขึ้น 23.35 จุด หรือ +0.75% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,632.49 จุด เพิ่มขึ้น 112.60 จุด หรือ +1.32%
# ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ต่างก็ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งรวมถึงการที่สื่อในสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงานว่า จีนใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐ และรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายเพิ่มโทษการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องที่สำคัญจากสหรัฐ
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น สะท้อนเจรจาการค้าคืบหน้า และโอเปกขยายเวลาลดการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 58.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)และประเทศพันธมิตรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงกลางปีหน้า
+ ทองคำ: ปรับลง เทขายสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.70 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่1,456.90 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นทำนิวไฮ ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณคืบหน้า นอกจากนี้การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ รมว.คลังเผย ประชุมครม.วันนี้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องจากชุดที่ออกไปก่อนหน้านี้
# รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้พิจารณาชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ประกอบด้วย มาตรการ 3 ด้าน โดยเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องกับชุดกระตุ้นมาตรการกระตุ้นที่ออกไปก่อนหน้านี้ เพื่อดูแลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
+/- ธนาคาร: สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล น่าจะยังขยายตัวสูงในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าสินเชื่อบางประเภท โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล น่าจะยังขยายตัวสูงในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี และน่าจะมีภาคธุรกิจบางส่วนทยอยเบิกใช้สินเชื่อระยะสั้นเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน แต่เนื่องจากสินเชื่อในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ประกอบกับภาพเศรษฐกิจในปีหน้ายังไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่เด่นชัดนัก ทำให้คาดว่าความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจและเอสเอ็มอีในปีนี้ จะขยายตัวในกรอบที่ต่ำกว่าที่คาด ซึ่งย่อมมีผลทำให้ภาพรวมสินเชื่อทั้งปี 2562 อาจขยายตัวได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ 4.0%สอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ที่ชะลอตัวลงจากปีก่อน
# ผลกระทบ: เป็นบวกกับหลักทรัพย์กลุ่มสถาบันการเงิน หลักทรัพย์แนะนำ ซื้อ คือ AEONTS, BBL, KBANK,KKP,TISCO
-ภาวะการมีงานทำลดลง 2.1% y-o-y
# สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3 ปี 2562 ระบุว่า ผู้มีงานทำลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยภาคเกษตรมีการจ้างงานลดลง 1.8% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 จากปัญหาภัยธรรมชาติ และการจ้างงานภาคนอกเกษตรลดลง 2.3% ตามการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการหดตัวของการส่งออก
# ผลกระทบ: อุตสาหกรรมที่ได้รับผลลบจะเกี่ยวกับการบริโภค เช่น พาณิชย์ สื่อสาร อสังหาฯ และสื่อ เป็นต้น
+ BAM คาดเคาะราคาไอพีโอสุดท้าย วันที่ 2 ธ.ค. นี้ จากช่วงราคา 15.50-17.50 บาท/หุ้น
# บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์จะเสนอขายหุ้น IPO ด้วยจำนวนรวมกันไม่เกิน 1,535 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 280 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 1,255 ล้านหุ้น และนอกจากนี้ อาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Greenshoe) จำนวนไม่เกิน 230 ล้านหุ้น รวมทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 1,765 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 5 บาท เพื่อนำเงินจากการระดมทุนไปขยายธุรกิจโดยซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายในอนาคตชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือชำระหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดที่ออกโดยบริษัทฯ และ/หรือตั๋วเงินจ่าย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
# ทั้งนี้จะเปิดให้บุคคลทั่วไปจองซื้อระหว่างวันที่ 25-29 พฤศจิกายน 2562 และสำหรับผู้ลงทุนสถาบัน(รวมถึงสถาบันที่เป็น เฉพาะเจาะจงหรือ Cornerstone Investors ในประเทศไทย) จะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 3-4 และ 6 ธันวาคม 2562โดยคาดว่าหุ้น BAM จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 16 ธันวาคม 2562
# สำหรับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของ BAM ระหว่างปี 2559-2561 นั้น มีรายได้เติบโตเฉลี่ย 5.5% ต่อปีมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 3.0% ต่อปี สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2562 BAM มีรายได้รวม 9,206 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4,882 ล้านบาท ราคาประเมินของหลักทรัพย์คํ้าประกันมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีของ NPLs และ NPA ราว 2.4/2.3 เท่า ณ3Q62
+ ตลท.ให้หุ้น PORT ย้ายเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เริ่มวันนี้หรือ 26พ.ย.
# ตามที่บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) (PORT) เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (mai) ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 และต่อมา PORT ได้ยื่นคำขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาอนุมัติให้หลักทรัพย์ของ PORT ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าPORT มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการรับหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2558 (SET)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]