- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 November 2019 16:06
- Hits: 910
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มอง SET Index มีโอกาสรีบาวด์ แต่จำกัดตัวที่ระดับแนวต้าน 1,610 จุด หลังได้ Sentiment บวกช่วงสั้นจากประเด็น Trade War ที่มีความคืบหน้ามากขึ้น อย่างไรก็ดียังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามความคืบหน้าการออกกองทุนรวมหุ้นระยะยาวรูปแบบใหม่ ประเมินกรอบเคลื่อนไหววันนี้ 1,590-1,610 จุด
• Market Factor
• (+) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีมุมมองเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยการกวาดล้างกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงจะทำให้ส่งผลลบต่อการเจรจาการค้าบวกกับให้สัมภาษณ์สื่อในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าการเจรจาการค้าใกล้บรรลุข้อตกลง
• (+) ฮ่องกงจัดเลือกตั้งสภาเขตซึ่งมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับนโยบายของรัฐ โดยมีผู้เข้าร่วมลงคะแนนกว่า 4.1 ล้านคนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของประชากรในฮ่องกงทำให้เป็น sentiment เชิงบวกต่อฮ่องกง
• (watch) จับตาตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในช่วงสัปดาห์นี้ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ประมาณการ GDP 3Q62 เป็นต้น
• (watch) ติดตามการประชุมระหว่างคลังและสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเพื่อหารือแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) รูปแบบใหม่ทดแทนกองทุนรูปแบบเดิมซึ่งจะหมดสิทธิประโยชน์ภาษีในสิ้นปี 62 นี้
• (+) ผู้ว่าการ ธปท.เผยยึดหลักการประเมินสถานการณ์ ในการดำเนินนโยบายการเงิน พร้อมปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมหากแนวโน้มเศรษฐกิจไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ (ประชาชาติธุรกิจ)
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.13 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 93.34 บ. หรือลดลง 18.93%YTD
• Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,466.49 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติกลับเป็นขายสุทธิ 1,275.5 บ.ขณะที่ นลท.สถาบันขายสุทธิ MTD.ลดลงเหลือ 303.55 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามอง SET Index มีโอกาสรีบาวด์ใน Upside ที่จำกัด คาดไม่เกิน 1,615 จุด จากนั้นปรับตัวลงต่อไปทดสอบแนวรับในโซน 1,580 จุดอีกครั้ง โดยมีประเด็นหลักที่ต้องติดตาม คือ Tradewar สหรัฐฯ-จีน ขณะที่ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่างๆ ที่ทยอยประกาศออกมา ส่วนในประเทศยังคงรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเพิ่มเติมในช่วงเดือนธันวาคม เรามุ่งความสนใจไปที่การประชุมการตั้งกองทุนรวมใหม่ทดแทน LTF ช่วงนี้แนะนำถือหุ้นที่ทยอยเก็บมาก่อนหน้านี้และทยอยขายทำกำไรออกมา ส่วนท่านที่ยังไม่มีหุ้นให้รอตลาดย่ออีกครั้งและทยอยเก็บหุ้นคาดมีผลประกอบการดี รวมถึงเรายังคงแนะนำหุ้น 3 กลุ่มที่สามารถทยอยซื้อลงทุนได้ในระยะ 3-6 เดือน ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ ทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 3Q62 กำไรโตเล็กน้อย 3%YoY หลังรายได้จากโรงแรมเพิ่มขึ้น 5%YoY เรามองช่วงปลายปียังมีโอกาสฟื้นตัวจากการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง), CPALL (ช่วง 3Q62 กำไรโต 8.3%YoY จากยอดขายที่เพิ่มจาก 7-11 กว่า 11,640 สาขา(ก.ย.62) และ MAKRO โดยบริษัทยังคงเป้าขยายสาขาต่อเนื่องให้ถึง 13,000 สาขาในปี 64 , MINT (ช่วง 3Q62 กำไรโต 347%YoY ด้วยกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมที่โปรตุเกส บวกกับ ช่วง 4Q62 เรามองฟื้นตัวต่อด้วยธุรกิจโรงแรมและอาหารหลังตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากฐานปีก่อนที่ลดลง)
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (ช่วง 3Q62 ทำ All time high ทั้งรายได้และกำไร คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), SABINA ช่วง 3Q62 กำไรสุทธิโต 11%QoQ และ 6%YoY หลังอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 54% หลังได้อานิสงส์บาทแข็งค่าเมื่อเทียบหยวนจากการเพิ่มสัดส่วนจ้างโรงงานจีนผลิตสินค้า ขณะที่ 4Q62 คาดยอดขายจะเร่งตัวขึ้นผ่านการจัดโปรโมชั่น และการทำการตลาดส่งท้ายปี รวมถึงการรุกขยายช่องทางขายผ่าน Online มากขึ้น คาดเห็นการเติบโตต่อเนื่องใน 4Q62 ทั้ง QoQ และ YoY
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 2H62โต เข้าสู่ High Season: PR9 (มองทั้งปี 62 โตต่อ หลังกำไร 9M62 โต 10.9%YoY) บ.ยังมีศักยภาพในการเติบโตหลังแนวโน้มการทำกำไรเร่งตัวขึ้นสะท้อนผ่านEBITDA Margin ช่วง 9M62 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 17.7% (จาก 17.2% ช่วง9M61) บ.มีแผนการเติบโตที่สดใส เนื่องจาก บ.ถือเป็น Cash Company มีเงินสดต่อหุ้นมากกว่า 2 บ.เตรียมเปิดตึกใหม่ต้นปี 63 เพื่อรองรับลูกค้าได้เพิ่มกว่าเท่าตัวหลังเกิด Over demand ในกลุ่มลูกค้า ICU-CCU (คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้)และศูนย์บริการที่ถือเป็นไฮไลท์ใหม่อย่าง Pain Management and Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างชาติครอบคลุมทั้งจีนและกลุ่มอาเซียน รวมถึงกลุ่มลูกค้าประกันองค์กรและผู้ประกันตนด้วย คาดหนุน บ.มีโอกาส คุ้มทุนได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ Consensus ให้ Valuation ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ทั้งในแง่ Forward PE เพียง 23.17X ,P/BV 1.78X และEV/EBITDA 10.23X (อุตสาหกรรมอยู่ที่ PE 31.40X,P/BV 4.49X และEV/EBITDA 20.32X)
• Trading Idea
• หุ้นฟื้นตัว 4Q62 ต่อเนื่องปี 63: BGC ลุ้นกำไรฟื้นตัวช่วง 4Q62 หลังแนวโน้ม Gross margin จะเร่งตัวขึ้นจาก Efficiency rateเตาหลอมแก้วที่ราชบุรีเริ่มดีขึ้น บวกกับเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเวียดนามกำลังผลิตรวมกว่า 100 MW ตั้งแต่ช่วงต้นปี 63 เป็นต้นไป นอกจากนี้ Consensus คาดปันผลปี 63 ให้ Yield กว่า 5.4% ทางเทคนิค ประเมินแนวรับ 12.90 บ. คาดหวังแนวต้าน 14.70 บ.(Stop loss ต่ำกว่า 12.60 บ.)
• หุ้นที่มีกำไรช่วง 3Q62 โตดี และคาดโตต่อเนื่องช่วง 4Q62 บวกกับทั้งปี 62-63 โต YoY: MINT, CHG, AEONTS
22-Nov-19 Change (pts.) 21-Nov-19
SET Index 1,597.72 5.86 1,591.86
SET50 Index 1,077.51 4.41 1,073.10
SET100 Index 2,362.57 9.82 2,352.75
High 1,599.49 Gainers 788
Low 1,591.18 Unchanged 502
Value (Bt m) 42,224.48 Losers 736
Volume (*000) 15,654,479
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 17.1 15.3 15.3
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -6.8
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 9.9 10.3 10.4
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 22-Nov-19 WTD MTD YTD
Institution 2,382.71 (3,068.44) (303.54) 24,360.98
Proprietary (186.10) 644.92 3,293.91 13,749.77
Foreign (1,466.49) (1,045.65) (1,275.49) (14,349.64)
Individual (730.12) 3,469.18 (1,714.87) (23,761.11)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary