โครงสร้างตลาดระยะยาว ปัจจุบันลงมาถึงจุดหมิ่นเหม่ซะเหลือเกิน!! หากลงต่ำกว่า Low เมื่อต้นปี  1550 จุด งานเข้าได้เลย!! จุดรับถัดไปต้องก้มมองแบบลึกสุดใจ แต่ยังให้น้ำหนักน้อย ส่วนตัวคาดตลาดจะมีแรงฮึดได้....ขออุบเหตุผลไว้ในภาพกราฟทางเทคนิค ส่วนการหาจุดกลับตัว จุดต่ำสุด โดยใช้กราฟแท่งเทียนรายเดือนเป็นตัวช่วย หากเกิดรูปแบบ Hammer หรือ Bullish Engulfing เมื่อไหร่เมื่อนั้นดัชนีจะกลับตัวได้ทันที มีหลายครั้งเกิดเป็นจุดต่ำสุดเลยทีเดียว อาจมีข้อแม้ 1 อย่างคือ ดัชนีต้องลงมาแรงสังเกตจาก RSI รายเดือนจะมีค่าระหว่าง 40-50 หากมาทรงนี้ลุ้นเด้งได้ แนวรับมอง 2 จุด 1580 และ 1550 จุด แนวต้าน 1620 จุด         

          แนวโน้มกำไรรวมไตรมาส 4/62 น่าจะดีขึ้นจากฐานต่ำเมื่อปีที่แล้ว เราคาดว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่จะรายงานกำไรหลักปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อย 15% YoY ได้แก่ กลุ่มไอซีที (รายได้ ARPUs ที่สูงขึ้น, การควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น), กลุ่มสื่อ (ต้นทุนดำเนินงานลดลง, ยอดขายสื่อนอกบ้านที่สูงขึ้น), กลุ่มการเงินรายย่อย (สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่ง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ควบคุมได้ดี), กลุ่มประกัน (รายได้ที่เติบโตแข็งแกร่งของ TQM, การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ลดลงของ BLA), กลุ่มการแพทย์ (อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น, แนวโน้มรายได้เติบโตแข็งแกร่ง) และกลุ่มท่องเที่ยว (จำนวนนักท่องเที่ยวสูงขึ้น YoY)

          Risk factors: หัวข้อความเสี่ยงที่ต้องจับตาอาทิเช่น เศรษฐกิจอ่อนตัวลงกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก, การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนไม่ประสบผลสำเร็จและ การประท้วงที่ฮ่องกงลุกลาม ขยายวงกว้าง มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

What to watch  

          (0) สรุปกำไร Q3/19 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย กลุ้มที่มีกำไรสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาหาร สื่อสาร ไฟแนนซ์ เปาดัชนีปี 2020 อยู่ที่ 1683 จุด  

          (+) ทิศทางค่าเงินบาทเริ่มนิ่ง ไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากนักหลังจาก กนง. ลดดอกเบี้ยลง คาดปีหน้าโอกาสลดมีสูง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มุมมองค่าเงินบาทปีหน้าคาดอยู่ที่ 31.25/ดอลลาร์

           (+) ช่วงเริ่มต้นวัฎจักรขาขึ้นของธุรกิจหมูในตลาดโลก หลังจากโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร AFS การขาดแคลนสินค้า ขณะที่ความต้องการเพี่มขึ้น Demand > Supply ปัจจัยบวกต่อกลุ่มอาหาร

           (0) จับกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่ประเทศไทยในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังไม่มากเท่าที่ควร  (0) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน อาจทำให้ตลาดผันผวนตามข่าว

หุ้นแนะนำวันนี้

          GULF เข้าไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟาขนาดใหญ่ ในหลายประเทศหนุนมูลค่าหุ้นและกำไรระยะยาว

          BTS ผลประกอบการต่อต่อเนื่องและอัพไซด์จากโอกาสในการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟาสายสีเขียว, การประมูลสนามบินอู่ตะเภา และโครงการอื่นๆในอนาคต

          KKP อัตราตอบแทนปันผลสูง และมูลค่าถูกมาก

รายงานวันนี้

กลุ่มธนาคาร สินเชื่อเดือน ต.ค. สะดุด แต่การฟืนตัวกำลังมา?

          สินเชื่อรวมหุ้นธนาคารที่เรา cover ในเดือนตุลาคม ลดลง 0.8%MoM เพราะมีการคืนเงินกู้ขนาดใหญ่ในหลายธนาคารใหญ่ ประกอบกับการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และการบริโภคที่ชะลอตัว มีเพียง TISCO ที่รายงานสินเชื่อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (0.1%MoM)  สำหรับกำไร 4Q19 เราคาดการณ์เบื้องต้นว่ากำไรกลุ่มธนาคารจะโตได้ 21%YoY นำโดย SCB และ TMB KKP และ TISCO ตามลำดับ

          มุมมองกลยุทธ์ Action (ระยะสั้น 5-10 วันทำการ):  แนะนำ ซื้อ หุ้น top pick ตามนักวิเคราะห์พื้นฐานของเรา BBL มีคุณภาพสินทรัพย์ดีสุดในแบงค์ใหญ่ และ TISCO และ KKP รับ theme ดอกเบี้ยลง+ปันผลสูงเกือบ 8%

          Fundamental:  เราคงนำหนักกาลงทุนในกลุ่มที่ NEUTRAL โดยเลือก BBL TISCO และ KKP เป็น top pick

TVO อัตรากำไรยังโดนกดดันในปี 2020  

          เรามองว่าความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างจีนและ US รวมถึงอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอตัวซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของ ASF จะเป็นปัจจัยกดดันราคาถั่วเหลืองในตลาดโลก แม้ว่าอุปสงค์และอุปทานจะมีความสมดุลมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบของสภาพอากาศและน้ำท่วมของพื้นที่เพาะปลูกใน US  

          มุมมองกลยุทธ์ Action (ระยะสั้น 5-10 วันทำการ):  เรามองว่าความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งสงครามการค้า และ ASF นั้นมีมากเกินไป กลยุทธ์แนะขาย TVO หากนักลงทุนที่ต้องการเงินปันผล เราแนะหน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่าง JASIF หรือหุ้นธนาคารที่ปันผลสูงอย่าง TISCO หรือ KKP จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

          Fundamental:  เรายังคงคำแนะนำ ถือ รับกับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังอยู่ในระดับสูงถึง 6.4%   

CK ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

          เราร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ Guidance โดยรวมดูเป็น Neutral แม้ระยะสั้นจะยังไม่มีงานประมูลเข้ามา แต่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของตลาดอยู่แล้ว การแบ่งงานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบินยังไม่ได้ข้อสรุป คาดจะสรุปได้ในช่วงต้นปีหน้า สำหรับสนามบินอู่ตะเภา ปัจจุบันยังคงรอคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุด รถไฟฟาสายสีส้มตะวันตก สรุปประมูลเป็น PPP เหมือนเดิม ปัจจุบัน EIA ผ่านแล้ว รอเข้าครม. และคาดประมูลได้ 2Q20 ในส่วนของรถไฟฟาสายสีม่วงใต้ ปัจจุบัน TOR ใกล้เสร็จแล้ว คาดประมูลได้หลังสายสีส้ม และสำหรับโครงการต่างๆในบริษัทลูกคาดจะทยอยเห็นความชัดเจนในปีหน้า

          มุมมองกลยุทธ์ Action (ระยะสั้น 5-10 วันทำการ):  ในระยะสั้นยังไม่มีโครงการเข้ามาเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม ประกอบกับกำไร 4Q19 ของกลุ่มที่คาดไม่ได้ดีนัก เราแนะนักลงทุนที่ขายตามเราไปก่อนหน้า อยู่ห่างๆ กลุ่มนี้ไปก่อน

          Fundamental:  ถึงแม้แนวโน้มโครงการต่างๆดู ชัดเจนขึ้น แต่ยังคงต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะเห็นการออกประมูลจริงๆ ดังนั้นเรามองว่าหุ้นน่าจะทำได้เพียงเคลื่อนไหวในกรอบ ยังไม่รีบซื้อตอนนี้     

หุ้นมีข่าว

BCP

          + เปิดโครงการซื้อหุ้นคืน 70 ล้านหุ้น ใช้วงเงิน2.1พันลบ. เริ่ม 6 ธ.ค.62 ถึง 5มิ.ย.63 (ที่มา หุ้นอินไซด์)

TRUE

          + โต้ข่าวลือเพิ่มทุนไม่เป็นความจริง ระบุมีเงินสดอยู่ในมือที่สูง คาดจะไม่เพิ่มทุนในช่วง 1 ปีข้างหน้าอยู่แล้วเนื่องจากได้รับการผ่อนผันการชำระค่าคลื่น 900 MHz ทำให้ความตึงตัวทางการเงินลดลง และยังมีศักยภาพหาแหล่งเงินทุนอีกหลายทาง แถมยังมีพันธมิตร China Mobile หนุนแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)

BEM  

          + ลั่นปี 2563 ผู้โดยสารทั้งปีโตกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะโต 5-7% หลังเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินทั้ง 2 เส้น รวมถึงนำรถเข้ามาให้บริการครบ 54 ขบวน ด้านธุรกิจทางด่วนโตเฉลี่ย 1-2% ตามปริมาณการจราจรในเขตเมืองที่หนาแน่น ย้ำต่อสัมปทาน 15 ปี หรือ 30 ปี พร้อมรับการพิจารณาภาครัฐบาล ขณะที่มีแผนรองรับไว้แล้ว (ที่มา ทันหุ้น)

JASIF

          + นำ 2,500 ล้านหน่วยลงทุนใหม่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังผู้ถือหน่วยใช้สิทธิเต็มจำนวน เผยขนาดทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มขึ้นเป็น 1,680,500 คอร์กิโลเมตร ครอบคลุม 925 อำเภอ 77 จังหวัดทั่วประเทศด้าน บลจ.บัวหลวง ย้ำก่อนเพิ่มสินทรัพย์มีกำไร 5,400 ล้านบาท และหลังการเพิ่มสินทรัพย์ กำไรขยับเป็น 8,300 ล้านบาท ผลตอบแทนต่อหน่วยเมื่อเพิ่มทุนแล้วพุ่งขึ้นเป็น 1.04 บาท/หน่วย (ที่มา ข่าวหุ้น)

RATCH-BPP  

          0/- "RATCH-BPP" สะเทือน! เหตุแผ่นดินไหวในลาว ส่งผลกระทบโรงไฟฟาหงสาหยุดผลิตชั่วคราว ฟากบิ๊กบอส RATCH-BPP แจงโครงสร้างหลักโรงไฟฟาหงสาไม่ได้รับความเสียหาย พร้อมกลับมาผลิตในเร็วๆ นี้ ขณะที่เอ็มดี CKP ยันโรงไฟฟาไซยะบุรี-น้ำงึม 2 ไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงเดินเครื่องผลิตและจ่ายไฟฟ้าปกติ

Trend Forecasting

SET Index ปิด 1,591.86 (-0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท

แนวโน้มระยะสั้นมอง

          SET Index แนวรับ 1,585 แนวต้าน 1,605/ SET100 รับ 2,350 ต้าน 2,370 BSET100 รับ 10.23 ต้าน 10.33 / BMSCITH รับ 11.58 ต้าน 11.68

หัวข้อ: กราฟแท่งเทียนรายเดือนสามารถชี้จุด Bottom แม่นหรือไม่!!

กลยุทธ์เทคนิค:

          โครงสร้างตลาดระยะยาว ปัจจุบันลงมาถึงจุดหมิ่นเหม่ซะเหลือเกิน!! หากลงต่ำกว่า Low เมื่อต้นปี  1550 จุด งานเข้าได้เลย!! จุดรับถัดไปต้องก้มมองแบบลึกสุดใจ แต่ยังให้น้ำหนักน้อย ส่วนตัวคาดตลาดจะมีแรงฮึดได้....ขออุบเหตุผลไว้ในภาพถัดไป ส่วนภาพด้านบนหาจุดกลับตัว จุดต่ำสุด โดยใช้กราฟแท่งเทียนรายเดือนเป็นตัวช่วย หากเกิดรูปแบบ Hammer หรือ Bullish Engulfing เมื่อไหร่เมื่อนั้นดัชนีจะกลับตัวได้ทันที มีหลายครั้งเกิดเป็นจุดต่ำสุดเลยทีเดียว อาจมีข้อแม้ 1 อย่างคือ ดัชนีต้องลงมาแรงสังเกตจาก RSI รายเดือนจะมีค่าระหว่าง 40-50 หากมาทรงนี้ลุ้นเด้งได้ นอกจากนี้ยังย้อนดูสถิติยอดซื้อขายสุทธิของต่างชาติ มีบางอย่างที่น่าสนใจ...สุดท้ายเครื่องมือเทคนิคยอดฮิต "เส้นค่าเฉลี่ย" เล่นตามแม่นไม่แม่น....ติดตามมุมมองทางเทคนิคด้านล่างได้เลยครับ..  

มุมมองทางเทคนิค:

          สถิติยอดซื้อขายนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ปี 1992 ถึงปัจจุบัน ถ้าซื้อก็จะซื้อติดต่อกันมากที่สุดคือ 4 ปีซ้อน ในทางกลับกันหากขายก็จะขายติดต่อกันมากที่สุด 3 ปีซ้อน ปัจจุบันก็ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ 3 ที่ต่างชาติขาย อาจเป็นไปได้ว่าแรงขายจะชะลอลงปีหน้าหรืออาจลุ้นกลับมาซื้อกลับบ้าง..สุดท้ายวัดผลเครื่องมือ EMA ปีนี้ผิดแค่ครั้งเดียว นอกนั้นแม่นทั้งหมด แต่ดันไม่แม่นตอนสุดท้ายนี้เอง....      

วิธีการเลือกหุ้น:

          โครงสร้างตลาดเปลี่ยนเป็นลงกลยุทธ์วิธีเลือกหุ้นเน้นกลุ่มปลอดภัย โครงสร้างยังดีอยู่ และส่งสัญญาณแข็งแกร่งกว่าตลาด อาทิเช่น โรงไฟฟ้า ขนส่งภาคพื้นดิน ท่องเที่ยวและหุ้นปันผลสูง ซึ่งเลือกอยู่ในโมเดลพอร์ตด้านล่าง

โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:

          สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +8.15% สูงกว่าตลาดที่ +2.11%  

          *Addition(หุ้นเพิ่ม): --ไม่มี--

          *Deletion(หุ้นออก): ILM

          หุ้นคงเหลือ: TQM, KKP, TFG, ERW, NETBAY, ZEN, GULF, BTS

          ธนรัตน์ อิศรกุลนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค                                            

          [email protected] +662-618-1334

Track with Technical: "สแกนหุ้นโมเดลพอร์ตยังดีอยู่หรือไม่"

          TQM /GULF /BTS

          แนวโน้ม หุ้น New high

          แนะนำ Let profit run

          เหตุผล TQM, GULF, BTS จัดอยู่ในกลุ่มลุ้น All time high ยืนยันโครงสร้างขาขึ้นและแข็งแกร่งกว่าตลาด

          KKP , ERW, NETBAY

          แนวโน้ม หุ้นทะลุต้าน

          แนะนำ ถือต่อ

          เหตุผล BTS ลุ้นโอกาสทะลุจุดยอดเดิมที่เคยทำไว้เมื่อเดือน 9 ขณะที่ OBV เครื่องมือวัดปริมาณหุ้นสะสมทำ new high ไปเรียบร้อยแล้ว

          TFG, ZEN

          แนวโน้มหุ้นฟื้นตัว

          แนะนำ ลุ้นขึ้นต่อ

          เหตุผล ราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก แต่กำลังฟืนตัวขึ้นจากแนวรับ ทำให้มีโอกาสลุ้นการฟื้นตัวขึ้นได้อีก