- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 22 November 2019 21:33
- Hits: 2877
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“รับปัจจัยลบไปมาก อาจมีรีบาวด์ได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TMT (จากถือเป็น Fully Valued)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -4.97 จุด ปิดที่ 1591.86 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเป็น 47.2 พันล้านบาท ดัชนีปรับลงสอดคล้องกับเพื่อนบ้าน ดัชนีอยู่ในแดนลบตลอดวัน การลงนามเฟส 1 อาจไม่ทันปีนี้ เฟดไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ย รอดู การเมืองไทยร้อนแรงขึ้น มีแรงขายหุ้นกลุ่ม สื่อสาร แต่แบงค์และพลังงานช่วยค้ำ ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ รายย่อย ขายสุทธิมากเป็น สถาบัน ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิ 191 ล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เจรจาการค้ายังไม่แน่นอน ส่งออกไทย ต.ค.ยังด้อย ด้านลบคือ การเจรจาการค้าไม่แน่นอน จีนจะเชิญสหรัฐไปเจรจาที่ปักกิ่ง ยิ่งสภาฯผ่านร่างสนับสนุนม็อบฮ่องกง ทำให้จีนยิ่งไม่พอใจ ตัวเลขขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐเพิ่มขึ้น ดาวโจนส์สป็อตปรับลงต่อ ส่งออกไทย ต.ค.ติดลบมากกว่าคาดเป็น 4.5% ด้านบวกคือ ราคาน้ำมันปรับขึ้น ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ฟื้นตัว
# ระยะสั้นคาด SET- ยังไม่สดใส แต่มีโอกาสรีบาวด์ได้ เพราะลงมาเร็วไป หุ้นพลังงานฟื้นตัวจากราคาน้ำมันดีขึ้น หุ้นลงทุนในโรงไฟฟ้าหงสาคือ BPP และ RATCHได้รับผลลบแผ่นดินไหวที่ลาว วันนี้มีหุ้นใหม่เข้าซื้อขาย กลุ่ม MAI คือ APP เป็นหุ้นเทคโนโลยี เราคาดว่า SET ซื้อขายในกรอบ 1570-1610 จุด แนวต้านเป็น 1600-1610 จุด
แนวรับอยู่ที่ 1570-1550 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1585 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เนื่องจากราคาหุ้นปรับลงมามาก จนประเมินมูลค่าหุ้นถูกลง P/E ปี 63 ตลาดเป็น 15.8เท่า เทียบเป็น Median+0.5 SD แล้ว แนะนำ หุ้น Domestic Play หุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ หรือปันผลสูงแทน หุ้นกลุ่ม REITs และ IFFS น่าสนใจ จากดอกเบี้ยต่ำด้านหุ้นเข้า-ออก MSCI มีผล 26 พ.ย.62 หุ้นขนาดใหญ่ เข้า- BGRIM,GPSC,OSP,SAWAD หุ้นออก- ไม่มี หุ้น Small Cap: เข้า- CENTEL,DOHOME,JMT,SPRC, STPI, TPIPP, TQM หุ้นออก- CBG,SAWAD,TISCO
# Stock Pick Today : SPA คาดว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้าคือ ปี 63 และ 64 จะได้เวลาเก็บเกี่ยว จากการลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังผลให้ คาดว่าจะทำกำไรเป็นสถิติสูงสุดใหม่ อัตราการเติบโต CAGR เฉลี่ยสูงเป็น 23% สำหรับแรงผลักดันการเติบโตมาจาก การขยายสาขาต่อเนื่องทั้งไทยและต่างประเทศ เพิ่มอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) กระจายความเสี่ยงไปยังห้างสรรพสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ และพยายามเพิ่มอัตรากำไร เราเริ่มทำการวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานเป็น19.50 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (แต่ปิดค่อนมาทางสูง / โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”{มี“แนวรับย่อย 1580+/-”หนุน} จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1600 (หรือ 1610) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1585” / แนวรับย่อย “1570 (หรือ 1560 – 1550)” จุด} คาดหุ้น New High เข้ามาใหม่คือJMT,HANA,GPSC,BDMS,TKN,MINT ที่ยังอยู่ใน List คือ BDMS,TASCO,MEGA,MTC,RATCH,CHG หุ้นหลุด List HMPRO,SPRC,GFPT หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profitคือ STPI,TCAP,PTG,MC
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มพลังงาน (โรงกลั่น) - น้ำหนักลงทุน Neutral
Company Guide : TMT (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 3.70)
SC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 3.10)
Flash Note : หลักทรัพย์กลุ่มรีทส์ (REITs) และกองทุนสาธารณูปโภค (IFFs)
In The News : JASIF (ราคาปิด 9.80 บาท) : ลูกหุ้นเพิ่มทุนเข้าทำการซื้อขายวันนี้
New Listing : APP
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่มีความชัดเจน
# การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่มีความชัดเจน โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้เชิญนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่ง ทางด้านเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐพร้อมที่จะพบปะกับเจ้าหน้าที่การค้าของจีนในการเจรจาการค้ารอบใหม่ แต่ยังไม่ได้ยืนยันกำหนดวันเจรจาที่แน่นอน
# ขณะที่สื่ออีกหลายแห่งรายงานว่า การที่สภาสหรัฐผ่านกฎหมายสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกงนั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับจีน และอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในการเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่าย
- สหรัฐ: ชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มต่ำกว่าคาด
# มีข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 227,000รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 5.46ล้านยูนิต ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.47 ล้านยูนิต
• สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศต่อไป
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
- ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปรับลงต่อ ตลาดซบเซา รอความชัดเจนเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,766.29 จุด ลดลง 54.80 จุด หรือ -0.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,103.54 จุด ลดลง 4.92 จุด หรือ -0.16% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,506.21 จุด ลดลง 20.52 จุด หรือ -0.24%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ท่ามกลางภาวะตลาดที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีสัญญาณที่บ่งชี้ทั้งในด้านบวกและด้านลบเกี่ยวกับการเจรจาของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น คาดโอเป็กลดกำลังการผลิต และมีความตึงเครียดตะวันออกกลาง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 58.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงกลางปีหน้า นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคา
+ ทองคำ: ปรับลง ดอลลาร์แข็งค่ากดดัน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 10.60 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่1,463.60 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า คณะกรรมการเฟดยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/+ ส่งออก ต.ค.62 -4.54% ต่ำกว่าคาดที่ -3.7% แต่ ธ.ค.62 มีโอกาสโตจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำ
# สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนต.ค. 62 โดยการส่งออกมีมูลค่า 20,757.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -4.54% เมื่อเทียบกับ ต.ค.61 ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 20,251.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -7.57% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 506.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนในช่วง 2เดือนที่เหลือของปีนี้ คือ เดือน พ.ย.62 น่าจะยังติดลบอยู่ แต่เชื่อว่าจะเป็นบวกในเดือน ธ.ค.62 เพราะฐานในปีก่อนต่ำมากมีมูลค่าเพียง 19,400 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น จึงคาดว่าเดือน ธ.ค.ของปีนี้มูลค่าส่งออกน่าจะทำได้มากกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
-RATCH-BPP สะเทือน! หงสาหยุดผลิตชั่วคราว
# "RATCH-BPP" สะเทือน! เหตุแผ่นดินไหวในลาว ส่งผลกระทบโรงไฟฟ้าหงสาหยุดผลิตชั่วคราว ฟากบิ๊กบอส RATCHBPPแจงโครงสร้างหลักโรงไฟฟ้าหงสาไม่ได้รับความเสียหาย พร้อมกลับมาผลิตในเร็วๆ นี้ ขณะที่เอ็มดี CKP ยันโรงไฟฟ้าไซยะบุรี-น้ำงึม 2 ไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงเดินเครื่องผลิตและจ่ายไฟฟ้าปกติ (ข่าวหุ้น)ผลกระทบ: บริษัท ไฟฟ้าหงสา จำกัด เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งใน สปป.ลาว มีผู้ถือหุ้น 3 รายคือ 1.รัฐวิสาหกิจถือหุ้นลาว ซึ่งเป็นนิติบุคคลของรัฐบาลลาว ถือหุ้น 20 บริษัทในกลุ่ม RATCH และ BPP ถือหุ้นอีกรายละ 40% คาดว่าจะได้รับผลลบเรื่องการหยุดผลิตระยะนี้ แต่ต้องติดตามว่าจะกระทบระยะยาวหรือไม่ และมีการทำประกันภัยไหม หากมีผลกระทบจะจำกัดลง
+ หุ้นใหม่เข้าซื้อขายในตลาด (New Listing) : APP ทำธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นด้านการออกแบบอย่างครบวงจร
# "APP" ลงสนามเทรดใน mai วันนี้ มั่นใจได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ดันราคาเหนือจองไอพีโอ 2.46 บาท "ซีอีโอ"ลั่นพื้นฐานธุรกิจแน่นปึ้ก-นำเงินจากการระดมทุนขยายธุรกิจหนุนโตก้าวกระโดดในอนาคต ตอกย้ำการเป็นหุ้น GrowthStock ฟากโบรกเกอร์ 5 แห่ง ประเมินราคาเหมาะสม 3.48-4.20 บาท คาดเป็นหุ้นเทคโนโลยีที่อนาคตไกล ตั้งราคา IPOด้วย Trailing P/E ที่ 10.44 เท่า กำไรสุทธิ 3Q62 เป็น 29 ล้านบาท โต 218% y-o-y แต่ 9M62 เป็น 49 ล้านบาท ลดลง17% y-o-y
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]