- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 November 2019 22:46
- Hits: 9401
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : Need to KNOW
Need to KNOW
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ยอดค้าปลีกต.ค. +0.3%MoM (+3.1%YoY) ดีกว่าคาด &ปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน มาจากยอดขายรถยนต์ที่ดีขึ้น
+ ตลาดมีความหวังว่าสหรัฐกับจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในธ.ค.นี้ โดยขณะนี้กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย
-/+ สิงคโปร์ส้มหล่นจากประท้วงในฮ่องกง ชุมนุมประท้วงฮ่องกงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉุดศก.ฮ่องกงย่ำแย่ นักลงทุนโยกเงินมาลงทุนในอสังหาฯสิงคโปร์แทน
- สหรัฐ : ภาคการผลิต (Empire State Index) พ.ย.ร่วงมาที่ 2.9 จากที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 5.0 เพราะ Trade War ส่วนดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมต.ค. -0.8%MoM จากที่คาด -0.4%MoM
- ระวังแรงขายหุ้นพลังงานเพื่อ Switch ไปซื้อ IPO ซาอุดิ อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานใหญ่ที่สุดของซาอุฯและทำกำไรมากที่สุดในโลก โดยจะทำ IPO ต้นธ.ค., เข้าซื้อขายภายใน 12 ธ.ค.นี้; MSCI และ FTSE จะรวมบ.นี้เข้าในดัชนีด้วย มีผลในธ.ค.62/หรือม.ค.63
- หนี้สินโลกพุ่งขึ้น…หนี้ประเทศเกิดใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ระบุว่า ณ สิ้นมิ.ย.62 หนี้สินทั่วโลกพุ่งเป็น 250.9 ล้านล้านUS$ และจะเพิ่มเป็น 255 ล้านล้านUS$ ในสิ้นปี 62 โดยหนี้สินปท.เกิดใหม่อยู่ที่ 71.4 ล้านล้านUS$ คิดเป็น 220% ของ GDP สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปัจจัยในประเทศ
- กำไรสุทธิ 3Q62 ตลาดหุ้นไทยหดตัว -17%YoY, +3%QoQ แย่กว่าคาด งวด 9M62 หดตัว -15%YoY กลุ่มที่กำไรสุทธิหดตัวมาก คือ พลังงาน ปิโตรเคมี อิเลคทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง (หลักๆ คือ SCC) อสังหาริมทรัพย์ และท่องเที่ยว ส่วนกลุ่มที่มีกำไรเติบโตได้ เป็น สื่อสาร อาหาร แบงค์ ไฟแนนซ์ และบรรจุภัณฑ์
18 พ.ย.62 รายงาน GDP งวด 3Q62 ของไทย ซึ่งตลาดประเมินว่าจะเติบโต +2.7 ถึง +2.8%YoY ดีขึ้นจาก 2Q62 ที่ +2.3%YoY ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐาน GDP ของ 3Q61 ต่ำ จากเริ่มมีผลกระทบจากสงครามการค้า และรัฐเบิกจ่ายงบประมาณน้อย
ชิม ชอป ใช้ เฟส 3 ลงทะเบียนอีก 2 ล้านคน เริ่ม 14 พ.ย.62 ซึ่งรอบนี้ไม่มีกระเป๋า 1 ที่ให้เงิน 1,000 บาท จะมีแต่กระเป๋า 2 ที่ได้เงินคืน 15-20% รวมแล้วไม่เกิน 8.5 พันบาท/คนปรับเงื่อนไขให้ใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด รวมค่าโรงแรมที่พักและตั๋วเครื่องบินในปท..นับเป็น บวกกับกลุ่มค้าปลีก&ท่องเที่ยว หุ้นเด่น CPALL, AOT
+/- MSCI รอบพ.ย.มีผลบังคับใช้ คือ 26 พ.ย. ราคาหุ้นที่เข้า/ออกอาจจะผันผวน โดยมีการปรับหุ้นไทยดังนี้ # MSCI Thailand มีหุ้นเข้า คือ BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD ไม่มีหุ้นออก # MSCI Global Small Cap มีหุ้นเข้า คือ CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM หุ้นออก CBG, SAWAD, TISCO
กลยุทธ์การลงทุน
สรุปภาพรวม : ระยะสั้นมากตลาดมีความหวังว่าสหรัฐกับจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกในไม่ช้านี้ จึงให้น้ำหนักกับกำไรบจ.ไทยที่หดตัวมากถึง -17%YoY ใน 3Q62 และภาคการผลิตสหรัฐที่ชะลอตัวเกินคาดน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งมองว่าสงครามการค้าจะยังทำให้ตลาดปั่นป่วนในระยะต่อไป ขณะเดียวกันกลุ่มพลังงานยังมีความเสี่ยงจากการถูก Switch ไปซื้อหุ้น IPO ซาอุดิ อาราโค ซึ่งเป็นบ.พลังงานที่มีกำไรสูงสุดในโลกและจะเข้า MSCI & FTSE Indexes ด้วย นอกจากนั้นภาวะศก.ไทยก็ยังชะลอตัว หากแต่ในระยะสั้นมีมาตรการกระตุ้นเข้ามาช่วยพยุงไว้ แต่เมื่อหมดมาตรการก็มีสิทธิแผ่วลงอีก ดังนั้นจึงยังคงเน้นลงทุนรอบสั้น และเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยเน้นหุ้นธุรกิจมั่นคง, Defensive, หุ้นที่จ่ายปันผลได้ดีและสม่ำเสมอ
การวิเคราะห์เทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นลบ (ปิดใต้ SMA10) การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น แนวต้านระยะสั้น 1610-1620 ค่าลบ/หลุด 1600 รอรับที่ 1590-1580 หรือต่ำกว่า
หุ้น Top Picks รายสัปดาห์
หุ้นพื้นฐานเด่นสำหรับสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
CPALL - ยอด SSSG ของ 7-11 และ MAKRO เป็นบวกได้ 2-5% ซึ่งดีกว่ากลุ่ม จากการปรับ Product Mixed และมีรายได้บริการเพิ่ม มาร์จิ้นดีจาก Economy of scale การลงทุนต่างประเทศหนุนการเติบโตในระยะยาว…ราคาพื้นฐาน 92.50 บาท
GPSC - คาดกำไร 4Q19F เติบโตก้าวกระโดด YoY หลังทำงบการเงินรวมกับ GLOW และในระยะยาวคาดว่าจะมี Synergies จากการควบรวมกิจการ มีโอกาสเติบโตดีไปพร้อมกับกลุ่ม PTT แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 103 บาท
TCAP - หลังปรับโครงสร้างกิจการคาดว่าจะมี ROE สูงขึ้น มีโครงการซื้อหุ้นคืน และจะจ่ายปันผลพิเศษ 4 บาท/หุ้นประมาณก.พ.ปีหน้า ซึ่งจะทำให้ Dividend Yield ปี 2020 จะสูงราว 10% ทาง DBS ให้ราคาพื้นฐาน 59.50 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค- [email protected]