- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 October 2014 18:03
- Hits: 2152
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : ปิดGAPแนวรับหลัก 1,520
Technical : แนวรับ : 1,537 /1,520 แนวต้าน : 1,550 / 1,560
หุ้นแนะนำพิเศษ : PTT แนวรับ 367 / 363 แนวต้าน 375/382
หุ้นเด่นรายวัน : SMIT GOLD BTS NPARK
วันจันทร์ตลาดหุ้นไทยปิดลบแรง ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,543.13 จุด ลดลง 27.15 จุด(-1.73%) มูลค่าการซื้อขาย 55,460.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 184.15 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,520-1,569 แรงขายจากความไม่มั่นใจปัจจัยภายในในลักษณะของPanic กดดันตลาดให้มีการปรับลงแรง คาดส่วนหนึ่งเกิดจากTrigger Fund (เมื่อวานสถาบันขายสุทธิ 3,009 ล้านบาท) ขายลดความเสี่ยง ติดตามBOJเปิดเผยมติการประชุมนโยบายการเงิน ตลาดคากว่าจะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงรุก ในขณะที่ SET50 ระยะสั้นมีแนวรับSMA25วัน 1,030 และมีความเสี่ยงของการทดสอบแนวรับจุดต่ำแท่งเทียน 1,012 อาจมีการกลับตัวขึ้นทางเทคนิคหากปรับลงแรง GFV14 เก็งกำไรในกรอบ 18,570-18,980 GFZ14 เก็งกำไรในกรอบ 18,630-19,040
กลยุทธ์ การปรับตัวลงแรงของตลาดได้ตอบรับปัจจัยลบไว้ในระดับหนึ่ง คาดแรงขายมีโอกาสที่จะชะลอตัวลงเพื่อรอปัจจัยใหม่ที่ชัดเจน และคาดจะมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาตามลำดับแนวรับ 1,537 / 1,520 เป็นการเข้าซื้อระยะสั้น ในขณะที่ภาพระยะกลางปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลงทางลบ กลุ่มธนาคาร ยังคงราคาพื้นฐานไว้ และคาดผลประกอบการไตรมาส3ยังคงประมาณการ BBL KBANK TMB ลงแรงเข้าซื้อถือหรือซื้อเก็งกำไร กลุ่มสื่อสาร TRUE ADVANC กลุ่มรับเหมา CK STEC หุ้นรายหลักทรัพย์ DELTA SST ระยะกลาง ปรับลงแรงซื้อเพิ่มเล็กน้อย
หุ้นแนะนำพิเศษ
PTT (ปิด 370 ซื้อเป้าปี 58: 400) รับอานิสงส์กระทรวงพลังงานปรับเพิ่มราคาขายปลีก NGV ขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 10.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 11.50 บาทต่อกิโลกรัมมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.57 การปรับขึ้นราคา NGV จะทำให้ PTT มีผลขาดทุนจากธุรกิจ NGV ลดลงหรือทำให้กำไรสุทธิรวมของ PTT เพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในปีนี้และ3% ในปี 58 เพื่อสะท้อนคาดการณ์ดังกล่าวเราจึงปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 1% เป็น 107,800 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14%yoy และปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 58 ขึ้น 3% เป็น 114,385 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 6%yoy
หุ้นเด่นรายวัน
SMIT(ปิด 4.48 ซื้อเก็งกำไร) อยู่ระหว่างการศึกษาทำโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ขนาด 1-2 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 80-90 ล้านบาท โดยใช้พื้นที่หลังคาโกดังสินค้าที่บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 7 โรง มีพื้นที่หลังคาประมาณ 1.5 หมื่นตารางเมตร คาดว่าจะสรุปได้ในต้นปี 2558 ทั้งนี้การผลิตกระแสไฟฟ้าดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนด้านไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิตของบริษัทปรับลดลงหนุนความสามารถในการทำกำไรปรับตัวสูงขึ้น (ที่มา:ทันหุ้น)
GOLD (ราคาปิด 7.9 ซื้อเก็งกำไร) สนใจซื้อ KLAND ชงบอร์ดอนุมัติกลางต.ค.นี้ด้านผลประกอบการผู้บริหารคาดยอดขายปีนี้จะทะลุเป้า 3 พันล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ทำยอดขายได้แล้ว 3.5 พันล้านบาท ส่วนยอดโอนทั้งปีน่าจะทำได้ราว 2.3 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ 2.2 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดโอนแล้ว 1.3 พันล้านบาท และจะทยอยโอนภายใน 4Q57 อีกราว 1 พันล้านบาท
BTS (ราคาปิด 9.90 ซื้อ ) สวอปหุ้นบริษัทลูก 2 บริษัทคือบีทีเอส แอสเสทส์และก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทกับหุ้นของ NPARK (ราคาปิด 0.06 ซื้อเก็งกำไร) จำนวน 213,000 หุ้นรวมวอแรนท์และเงินสด คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 37.06% ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบกิจการ(Due diligence) ซึ่งคาดจะเสร็จสิ้นเดือนพ.ย. 57 (ตลท.ปลด SP หุ้น NPARK เช้านี้หลังเปิดเผยข้อมูลครบถ้วน)
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* ACD / DIMET / EMC / EVER / GENCO / SST / TAKUNI มีผลบังคับใช้ 1 ก.ย. - 10 ต.ค. 57
* BKD / CSS / SUPER-W1 / TFI มีผลบังคับใช้ 8 ก.ย. - 17 ต.ค. 57
* ABC / BMCL / E / EE / KC / MAX / NUSA / RASA / RPC / SEAOIL / SPVI มีผลบังคับใช้ 15 ก.ย. - 24 ต.ค. 57
* CHUO / CKP / EIC / GUNKUL / MILL-W2 / MLINK / PAE / PF / TCC / XO มีผลบังคับใช้ 22 ก.ย. - 31 ต.ค. 57
* AQ / CYBER / IFEC / KTP / PRINC/ SLC / TGPRO / WIIK มีผลบังคับใช้ 29 ก.ย. - 7 พ.ย. 57
*AJD / BGT / CEI / CGD / DNA / MILL / PE / PRECHA / TH / THANA / TPOLY มีผลบังคับใช้ 6 ต.ค. - 14 พ.ย. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : ลดลง 17.78 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 17.78 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้าเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงกว่า 200 จุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกว่าเฟดอาจจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ลดลง 17.78 จุด หรือ -0.10% ปิดที่ 16,991.91 จุด ดัชนี NASDAQ ลดลง 20.82 จุด หรือ -0.47% ปิดที่ 4,454.80 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.16%ปิดที่ 1,964.82 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : เพิ่มขึ้น 0.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและดึงดูดแรงซื้อสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆขณะเดียวกัน สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทั้งสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI ต่างก็ร่วงลงกว่า 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 90.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 92.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]
Assistant : ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์