- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 November 2019 16:12
- Hits: 1914
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้ามีอุปสรรค แต่เพื่อนบ้านรีบาวด์”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : MODERN (จาก Fully Valued เป็นถือ), STEC (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -5.67 จุด ปิดที่ 1609.47 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงเป็น 48.8 พันล้านบาท ดัชนีมีการปรับลงแคบๆคล้ายเพื่อนบ้าน แรงกดดันมาจากการเจรจาการค้าที่ยังคลุมเครือ สถานการณ์ฮ่องกง และผลประกอบการ 3Q62 ไทย ไม่ดี ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ โบรกเกอร์ รายย่อย ขายสุทธิมากเป็น สถาบัน ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิ 489 ล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เจรจาการค้ามีอุปสรรค แต่เพื่อนบ้านกลับมารีบาวด์ ปัจจัยบวกคือ เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านกลับมารีบาวด์ได้ ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้นดีเงินบาทแข็งค่า มีเงินไหลเข้า ดัชนีผู้ผลิตสหรัฐปรับขึ้น ส่วนปัจจัยลบคือ จีน-สหรัฐยังตกลงกันไม่ได้ นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยคือ ทองคำและพันธบัตรมากขึ้น ดาวโจนส์สป็อตและน้ำมันปรับลง เศรษฐกิจจีนและเยอรมันอ่อนลง ตัวเลขขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐเพิ่ม ติดตามผลประกอบการ 3Q62 วันนี้วันสุดท้าย และปัจจัยการเมืองไทย ช่วงนี้มีเลือกตั้งซ่อม
# ระยะสั้นคาด SET- Sideways ลุ้นรีบาวด์ หลังหุ้นปรับลงมามาก ใกล้ทดสอบแนวรับ 1600 จุด ติดตามการฟื้นตัวหุ้น REITs & IFFs หลังบอนด์ยิลด์สหรัฐลดธุรกิจรับจ้างขนส่งพนักงานได้รับผลลบโรงงานทยอยปิดลง ระวังการลงทุนหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ATP30 ติดตามผลประกอบการ 3Q62 รายตัว เราคาดว่า SET ซื้อขายในกรอบ 1600-1630 จุด แนวต้านเป็น 1620-1630 จุด แนวรับอยู่ที่ 1600-1590 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1605 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 จุด ปีหน้า 1725 จุดแนะนำ หุ้น Domestic Play หุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ หรือปันผลสูงแทน ด้านหุ้นเข้า-ออก MSCI มีผล 26 พ.ย.62 หุ้นขนาดใหญ่ เข้า- BGRIM,GPSC,OSP,SAWAD หุ้นออก- ไม่มี หุ้น Small Cap: เข้า- CENTEL,DOHOME,JMT,SPRC,STPI,TPIPP,TQM หุ้นออก- CBG,SAWAD,TISCO
# Stock Pick Today : ERW กำไร 3Q62 เติบโตเล็กน้อย แรงสนับสนุนมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้ที่ลดลง คาดว่า 4Q62 และปี 2563 จะมีแนวโน้มธุรกิจที่สดใสขึ้น ผลพวงจากการขยายโรงแรม และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อีกทั้งโรงแรม JW Mariott กลับมาเปิดให้บริการช่วงไฮซีซั่น คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 6.80 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อ (โดยติด“แนวต้านสำคัญ” และยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(ถ้ามี / มีแนวรับย่อย“1610+/-”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1620 (หรือ 1630) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1605” (แนวรับย่อย “1600 – 1590 / 1580” จุด)} คาดหุ้น New High เข้ามาใหม่คือ CPN,HMPRO ที่ยังอยู่ใน List คือ SPRC,BDMS,BTS หุ้นหลุด List คือ PTTGC,ESSO,MBK,SAT,SCB,EASTW หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ GPSC,JMT,GLOBAL
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BOFFICE (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 16.10)
MODERN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 3.40)
PPS (ถือ -ราคาพื้นฐาน 0.47)
SCP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.39)
TEAMG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 3.15)
Flash Note : AMATA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 30.00)
CRYSTAL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 10.80)
LH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 10.70)
NWR (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 0.47)
ROJNA (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.68)
STEC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 16.00)
In The News : CHG : กำไรสุทธิ 3Q19 ดีเกินคาด
MC : Core Profit 1Q19/20 เติบโต +10%YoY และเพิ่มก้าวกระโดด QoQ
Turnover List Watch : คาด IP เข้าเกณฑ์ติด Cash Balance แล้ว ใช้สัปดาห์หน้า
New Listing : TPS
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: นักลงทุนยังกังวลเจรจาการค้าที่ยังไม่แน่นอน หลังเผชิญอุปสรรค
# การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเผชิญอุปสรรคจากการที่สหรัฐเรียกร้องให้จีนซื้อสินค้าเกษตรมากขึ้น ขณะที่จีนปฏิเสธเงื่อนไขของสหรัฐที่ต้องการให้จีนยุติการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี นอกจากนี้ จีนยังเรียกร้องให้สหรัฐระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก
+ สหรัฐ: ผลประกอบการยังออกมาแข็งแกร่ง
# อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน โดยวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.16 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ1.09 ดอลลาร์/หุ้น
-/+ สหรัฐ: ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่ม แต่ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่ม
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22มิ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
- ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ลดลงเล็กน้อย กังวลเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,781.96 จุด ลดลง 1.63 จุด หรือ -0.01% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,096.63จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.08% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,479.02 จุด ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.04%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นทำนิวไฮอีกครั้งเนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และเวียคอม
- น้ำมัน: ปรับลง สต็อกสหรัฐพุ่งขึ้นมาก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 56.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 62.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด ยังทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันของจีน
- ทองคำ: ปรับขึ้น เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย หลัง ดอลลาร์อ่อนค่า เจรจาการค้าไม่แน่นอน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 10.1 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ1,473.40 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลง ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยังเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะมีการประกาศต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย. จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• กระทรวงการคลังและธปท.พยายามออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจ
# รมว.คลัง ระบุว่า รัฐบาลสามารถดูแลเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาทั้งกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทยอยออกมาตรการเพื่อช่วยดูแลเศรษฐกิจมาเป็นระยะ ส่วนในอนาคตหากเห็นว่าสถานการณ์มีความจำเป็นรัฐบาลก็จะพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในสายตาของทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ
+ ภายในสองสัปดาห์จะมีความชัดเจนกองทุนใหม่มาแทน LTF
# รมว.คลัง คาดว่า ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนของกองทุนใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)ที่จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ โดยยืนยันว่าเป้าหมายพื้นฐานของกองทุนใหม่นี้ เพื่อต้องการเน้นให้เกิดการส่งเสริมการลงทุนและการออมในระยะยาว โดยสามารถเข้าถึงกลุ่มประชาชนได้มากขึ้นทั้งวัยทำงานและผู้สูงอายุ ส่วนระยะเวลาของการถือหน่วยลงทุนในกองทุนใหม่จะยาวนานกว่า LTF ที่มีระยะเวลา 7 ปีหรือไม่นั้น ยังอยู่ในการศึกษารายละเอียดและพิจารณาความเหมาะสมของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
• FETCO เตรียมเข้าพบ รมว.คลังสัปดาห์หน้า เพื่อรับทราบความคืบหน้าต่างๆ
# ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เตรียมเข้าพบ รมว.คลังสัปดาห์หน้า เพื่อรับทราบความคืบหน้าใน 4ประเด็นหลัก คือ 1.แนวทางการให้ SMEs เข้าถึงตลาดเงินตลาดทุนมากขึ้น 2.การให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่ประชาชนเพื่อเพิ่มนักลงทุนในตลาดทุน 3.แนวทางการพัฒนาตลาดทุน หลังการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน 4.ขอทราบความชัดเจนถึงกองทุนใหม่ที่จะมาแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุในปีนี้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]