- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 November 2019 15:58
- Hits: 1612
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาคืบหน้า-หุ้นโภคภัณฑ์ฉลุย ประกาศหุ้น MSCI”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BCP (จากถือเป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +16.89 จุด ปิดที่ 1640.88 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางเป็น 59.1 พันล้านบาท ดัชนีปรับขึ้นดีกว่าภูมิภาค ดัชนีกลับมาดีดตัวขึ้นช่วงบ่าย หลังมีข่าวเจรจาการค้าคืบหน้า สหรัฐจะยกเว้นภาษีนำเข้าจีนบางรายการ และรอประกาศ MSCI ขณะที่กำไรไตรมาส 3 ออกมาไม่ดีนัก ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ สถาบัน ขายสุทธิมากเป็นรายย่อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 2.6 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เจรจาการค้าคืบหน้าตามเฟส ธนาคารทยอยลดดอกเบี้ย ประกาศหุ้น MSCI เข้า-ออก ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการครั้งแรกออกมาดีคือ ลดลงมากกว่าคาด น้ำมันสป็อตปรับขึ้น ทองคำและพันธบัตรร่วง อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีพุ่งไปถึง 1.9151% ซึ่งไม่ดีกับหุ้นกลุ่ม REITs และ IFFs ดัชนีความกังวลต่ำเป็น 12.73 จุด การปรับลดดอกเบี้ยส่งผลลบกับหุ้นธนาคาร แต่ผลกระทบน้อยลงจากการปรับลดเงินฝากประจำ ปัจจัยลบคือ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านมีทั้งบวกและลบดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าปรับลง เหมือนมีแรงขายทำกำไรบ้าง เงินบาทกลับมาแข็งค่า แม้ธปท.มีเกณฑ์ลดแรงกดดันบาทแข็งก็ตาม ยังต้องติดตามผลประกอบการ เศรษฐกิจปีหน้า และการเมืองไทย
# ระยะสั้นคาด SET- เจรจาการค้าคืบหน้า ประกาศหุ้น MSCI คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1620-1660 จุด แนวต้านเป็น 1650-1660 จุด แนวรับอยู่ที่ 1620-1610 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1630 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 จุด ปีหน้า 1725 จุด เมื่อการเจรจาการค้าคืบหน้า แนะนำเลือกซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์คือพลังงาน ได้แก่ GPSC,IRPC,PTT,PTTEP,SPRC,TOP หุ้นปิโตรเคมีคือ IVL และ SCC (อยู่กลุ่มวัสดุฯ แต่มีธุรกิจปิโตรเคมีมาก) และหุ้นกลุ่มส่งออกคือ CPF,TKN,TUระมัดระวัง GFPT เพราะจีนจะนำ เข้าจากสหรัฐมากขึ้น ตามการเจรจาการค้า ด้านหุ้นเข้า-ออก MSCI มีผล 26 พ.ย.62 หุ้นขนาดใหญ่ เข้า-BGRIM,GPSC,OSP,SAWAD หุ้นออก- ไม่มี หุ้น Small Cap: เข้า- CENTEL,DOHOME,JMT,SPRC,STPI,TPIPP,TQM หุ้นออก- CBG,SAWAD,TISCO
# Stock Pick Today : IVL คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 48.00 บาท ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการ 2H62 ไปได้ดี โดยปริมาณขายและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบHoH และราคาหุ้นที่อ่อนลงได้สะท้อนความกังวลเรื่องการแบนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวของอินเดียไปแล้วซึ่งคาดว่าจะ กระทบกับ IVL จำกัด เพราะมีโรงงาน PET 2แห่งในอินเดีย กำลังการผลิตรวม 6.96 แสนตันต่อปี แต่มีปริมาณการผลิตจริงราว 3.48 แสนตันต่อปี คิดเป็น 3% ของปริมาณผลิตรวมที่ 13 ล้านตันต่อปีของบริษัทการวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนกลับป็นบวกเล็กๆต่อ {“ปิดบวกแรง”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ติด“แนวต้านสำคัญ” และยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1630” (แนวรับย่อย “1620 – 1610 / 1580” จุด)} คาดหุ้นNew High เข้ามาใหม่คือ TASCO,STEC,SPRC,PTTGC,PRM ที่ยังอยู่ใน List คือ ไม่มี หุ้นหลุด List คือ BCH,TOA,LPN หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือPTT,PLANB,TTCL,TPIPP,TFG,BH,GFPT,TEAMG
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Trading Strategy : พฤศจิกา : รายงานกำไร 3Q19 & ติดตามการลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐกับจีน
Company Guide : BCP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 29.00)
LPN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 3.80)
SYNEX (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.70)
Flash Note : BH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 136.00)
HREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 10.00)
MTC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 78.00)
PTTGC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 55.00)
RPH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.60)
In The News : GFPT : อาจถูกกระทบจากการที่จีนจะนำเข้าสัตว์ปีกและไข่จากสหรัฐเพิ่มขึ้น
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เจรจาการค้า: ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าตามเวลา จีนนำเข้าไก่สหรัฐมากขึ้น
# กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้
# ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า จีนกำลังพิจารณายกเลิกข้อจำกัดต่อการนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐ ซึ่งถือเป็นข่าวในด้านบวก เนื่องจากก่อนหน้านี้จีนได้สั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและไข่จากสหรัฐนับตั้งแต่เดือนม.ค.2558 หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ซึ่งทำให้การส่งออกสัตว์ปีกของสหรัฐทรุดตัวลง หลังจากที่เคยส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกมากถึง 390 ล้านดอลลาร์ไปยังจีนในปี 2557
+ สหรัฐ: จำนวนยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 215,000 ราย
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับขึ้น ขานรับสัญญาณบวกในการเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,674.80 จุด เพิ่มขึ้น 182.24 จุด หรือ +0.66% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,085.18 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด หรือ +0.27% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,434.52 จุด เพิ่มขึ้น 23.89 จุด หรือ +0.28%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ขานรับสัญญาณบวกในการเจรจาการค้า หลังจากสหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่าย โดยความคืบหน้าดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในกลุ่มนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น สะท้อนการเจรจาการค้ามีความคืบหน้าในเชิงบวก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 57.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 62.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีความคืบหน้า หลังจากสหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่าย ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ก่อนที่การประชุมโอเปกและชาติพันธมิตรจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า
+ ทองคำ: ปรับลงแรง ผลจากเจรจาการค้า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 26.70 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่1,466.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ปีนี้
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศต่อไปและควรติดตาม
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- วานนี้ ธ.ออมสินประเดิมประกาศลดดอกเบี้ยกู้และลดดอกเบี้ยฝากประจำ
# ธ.ออมสิน ลดดอกเบี้ยกู้ MRR-MOR-MLR ลง 0.125% มีผล 11 พ.ย.62,พร้อมลดดอกเบี้ยฝากประจำ 0.125% มีผล 1ม.ค.63 (Aspen)
# ผลกระทบ: โดยทั่วไปแล้ว การลดดอกเบี้ยจะเป็นบวกกับกลุ่ม เช่าซื้อ อสังหาฯ REITs หุ้นปันผลสูง แต่เป็นลบกับธนาคาร ยกเว้นมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อประหยัดต้นทุนการเงิน
-/• SCB:ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดีและดอกเบี้ยเงินฝากประจำวานนี้
# ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% มาอยู่ที่ 6.87% พร้อมกันนี้ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.25% เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะสภาพคล่องในระบบการเงินในปัจจุบัน โดยจะมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน เป็นต้นไป (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นลบ ในเรื่องส่วนต่างกำไรจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลง แต่ยังดีที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วย ทำให้ส่วนต่างกำไรลดลงไม่มาก และลดเงินกู้แค่ประเภทเดียว ผลกระทบจำกัด อย่างไรก็ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเป็นประเภทประจำ ซึ่งจะเห็นผลช้ากว่าการปรับลดเงินฝากประเภทออมทรัพย์ คงคำแนะนำ ถือ ราคาพื้นฐาน 138.00 บาท
+ ประโยชน์ของการที่ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
# ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.25% รวมทั้งการปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกเพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาทว่า มาตรการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะปานกลาง เห็นบรรยากาศการผ่อนคลายในช่วงปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ปีหน้า แต่ผลทางจิตวิทยาที่ ธปท.ลดดอกเบี้ย และมีมาตรการที่ช่วยลดแรงกดดันการแข็งค่าของเงินบาทนั้น จะเป็นจิตวิทยาในเชิงบวก
-ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค.62 ลดลง
# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค.62 อยู่ที่ 70.7 ลดลงจากเดือน ก.ย.62 ที่อยู่ในระดับ 72.2 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ต่ำสุดในรอบ 65 เดือนเนื่องจากมีความเป็นห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ
+ หุ้น UV ทยอยปรับตัวขึ้นดี คาดว่าเก็งกำไรผลประกอบการ 4Q61-62 (สิ้นสุด ก.ย.62)
# คาดว่าเงินที่ได้จากการขายหุ้น GOLD ทั้งหมด เป็นกำไรจากการขายหุ้นมากถึง 1.9 พันล้านบาท บันทึกใน 4Q61-62(ก.ค.- ก.ย.62) และนำมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นราว 0.97 บาท/หุ้น และอีกส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นเงินสดในมือราว5.3 พันล้านบาท จะนำไปใช้เพื่อการลงทุนทั้ง REITs บริษัทลูกคือ แกรนด์ ยูนิตี้ซึ่งทำแนวสูง และโรงแรม Modena ที่บุรีรัมย์ รวมทั้งเป็นกระแสเงินสดของบริษัท
# ผลกระทบ: เงินปันผลพิเศษที่คาดไว้ 0.97 บาท มีอัตราผลตอบแทนปันผลสูง (Dividend Yield) สูงมากถึง 16.9% จากราคาปิดที่ 5.75 บาท คาดว่าราคาหุ้น UV จะตอบรับในทางบวก แนวต้านถัดไปคือ 6.00 และ 6.37 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]