- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 November 2019 19:25
- Hits: 995
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“จ้างงาน การผลิต เจรจาการค้าดีเกินคาด น้ำมันพุ่งแรง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ -8.97 จุด ปิดที่ 1592.52 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเป็น 48.5 พันล้านบาท ดัชนีด้อยกว่าภูมิภาค มีแรงขายทำกำไรหนักในJAS,CPALL,ADVANC ดัชนีอยู่ในแดนลบทั้งวัน เพราะไม่แน่ใจเจรจาการค้า น้ำมันปรับลด รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร ซื้อสุทธิรายเดียวคือ สถาบัน ขายสุทธิมากเป็นต่างชาติ ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: บวกจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร การผลิตจีน-สหรัฐดีเกินคาด เจรจาการค้าเฟส 1 ออกมาในทางที่ดี รอลงนามเฟส 1 และน้ำมันปรับตัวขึ้นดี ด้านผลประกอบการสหรัฐสดใส ดาวโจนส์สป็อตและล่วงหน้าปรับเพิ่ม ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้บวกถ้วนหน้า ทองคำและพันธบัตรปรับลง เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ดัชนีกังวลปรับลง สถาบันญี่ปุ่น R&I ปรับเครดิตเพิ่มให้ไทย และครม.เศรษฐกิจหนุน SME ไทย ด้านปัจจัยลบกังวลไทยเกิดเงินฝืด หลังเงินเฟ้อต่ำมาก เฟดไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย และเศรษฐกิจไทยปีหน้าแย่
# ระยะสั้นคาด SET- ปัจจัยต่างประเทศแกร่ง หุ้นมีโอกาสปรับขึ้นดี น้ำมันขึ้นสูง หนุนหุ้นพลังงาน มาตรการกระตุ้นอสังหาฯต่ำ 3 ล้านบาทเริ่มมีผลทันที ส่งผลดีกับหุ้นมีสต็อก JAS มีข่าวบล็อคเทรด และขายหุ้นไปเพิ่มทุน JASIF ปันผลพิเศษจึงสูง และการยืดอายุสัมปทาน BTS อาจมีปัญหา หลังมีแนวคิดประชาชนรับค่าโดยสารไหว และ Review ประมูลอู่ตะเภา ประชุมอาเซียนติดตามการขอกลับมาใช้ GSP จากสหรัฐ การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive ปันผลสูง และ Domestic Playหลังเศรษฐฺกิจชะลอ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1580-1610 จุด แนวต้านเป็น 1600-1610 จุด แนวรับอยู่ที่ 1580-1550 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1590 จุด การเข้าเก็งกำไรควรเข้าไว-ออกไว กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 ปีหน้า 1725 จุด
หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง- DIF,CRYSTAL,TPRIME,WHART,MTC,SAWAD ปันผลสูง- KKP, TISCO,AP, ORI หุ้น DEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปี อากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH
# Stock Pick Today : RPH คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไร 3Q62 สูงมากเป็น 250% y-o-y และ 86% q-o-q เป็น 31 ล้านบาท ที่น่าสนใจคือ คาดว่าการเติบโตสูงยังจะเกิดขึ้นใน 2 ปีข้างหน้า คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้และปี 63 สูงเป็น +114%/+21% เทียบ y-o-y ตามลำดับ เพราะขยายความสามารถให้บริการโดยเพิ่มจำนวนเตียงต่อเนื่อง แนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 8.40 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCFการวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลักแต่“ค่าบวก”(มี“Oversold”ในกราฟรายนาที“หนุน”) อาจจะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1600 (หรือ 1610) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1590” (แนวรับย่อย “1580 / 1560 – 1550” จุด)} หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคทำ New High เข้ามาใหม่คือ KTC,PTT,HMPRO,BDMS ที่ยังอยู่ใน List คือ DIF,CHG, JMT,BCH,RPH,ESSO,SISB หุ้นหลุด List คือ BEM,COM7,M หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ ไม่มี
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ORI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.00)
PTT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 52.00)
TKN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.60)
Turnover List Watch : GPSC ติด Cash Balance ตามคาด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาแข็งแกร่งเกินคาด
# กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 128,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 89,000 ตำแหน่ง แม้พนักงานบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) จำนวน 46,000 คนได้ผละ
งานประท้วงก็ตาม
# ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 3.6% ในเดือนต.ค.ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังคงอยู่ใกล้
3.5% ของเดือนก.ย.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปีนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2512
+ เจรจาการค้า: จีนและสหรัฐได้บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับหลักการต่างๆ แล้ว
# สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนและสหรัฐได้บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับหลักการต่างๆ แล้ว ขณะที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.
พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า ขณะนี้การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนเพื่อทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น
และทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มลงนามในข้อตกลงในกลางเดือนพ.ย. แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุวันที่ชัดเจนได้ แต่มีข่าวล่าสุด
ว่าอาจเป็นเดือนนี้
+/- จีน: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค.จากสองแหล่งมีทั้งเพิ่มและลดลง
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.7 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.4 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 51.0
# แต่วันพฤหัสก่อนหน้า สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 49.3 ลดลงจากระดับ 49.8 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 49.8
+/- สหรัฐ: ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐปรับตัวขึ้น แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
# ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 51.1 ในเดือนก.ย.
# อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.3 ในเดือนต.ค. จากระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.1% โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 3
+ ผลประกอบการ: หลักทรัพย์ใน ดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการสูงเกินคาด
# บรรดานักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2562 ของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทประมาณ75% ในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการสูงเกินคาด
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับขึ้น ตัวเลขจ้างงาน ข้อมูลภาคการผลิตจีนดี และเจรจาการค้าคืบหน้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,347.36 จุด เพิ่มขึ้น 301.13 จุด หรือ +1.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,066.91จุด เพิ่มขึ้น 29.35 จุด หรือ +0.97% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,386.40 จุด เพิ่มขึ้น 94.04 จุด หรือ +1.13%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 พ.ย.) ขานรับกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด และการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตจีนที่ขยายตัว ก็ได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ข่าวความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
+ น้ำมัน: WTI ปรับขึ้น เพราะแท่นขุดเจาะลด และตัวเลขจ้างงานแกร่ง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 56.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 2.07 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงในสัปดาห์นี้ และตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด
+ ทองคำ: ปรับลง หลังข้อมูลจ้างงานและการผลิตสหรัฐดีเกินคาด
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่1,511.4 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (1 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายสัญญาทองซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร และข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาด
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-อัตราเงินเฟ้อ ต.ค.ชะลอตัวมากสุดในรอบ 28 เดือน
# กระทรวงพาณิชย์ เผย CPI เดือน ต.ค. ขยายตัว 0.11%, CORE CPI ขยายตัว 0.44% ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อช่วง 10เดือนปีนี้ (ม.ค.ต.ค.) ขยายตัวเฉลี่ย 0.74%
# ผลกระทบ: อัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดภาวะเงินฝืดหรือไม่ ต้องติดตามว่าในอนาคตจะถึงกับติดลบหรือไม่ ภาวะเงินฝืดมีผลกระทบทางลบต่อการบริโภคโดยตรง ทำให้หลักทรัพย์ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้มีแรงขายออกมาได้ เช่น พาณิชย์ สื่อสาร เช่าซื้อ และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น และมีผลลบต่อ SET โดยรวมได้ อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จาก กนง.ที่จะมีการประชุมสัปดาห์หน้า คือ 6 พ.ย.62 ก็จะมีส่วนช่วย อีกทั้งหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี ชนะอุตสาหกรรมที่ซบเซา ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี เช่นหลักทรัพย์กลุ่มพาณิชย์ ที่แนะนำทยอยสะสมได้คือ CPALL และ BJC
-/• ข่าวเกี่ยวกับ CPALL ในตลาดฯ คาดว่าทำให้หุ้นปรับลงศุกร์ที่ผ่านมา
# มีข่าวว่าจะไปลงทุนร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ต่างประเทศ แต่ได้เงื่อนไขไม่ดี ตลาดฯกังวลว่าจะทำให้การเติบโตหายไป แต่จากการสอบถามพบว่า ยังไม่มีการกำหนดเงื่อนไขแต่อย่างใด
# อีกหนึ่งเรื่องคือ การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่อีก ราว ต.ค.63 จะกระทบต่ออัตรากำไรของ CPALL ให้ลดลงได้
# ผลกระทบ: ปัจจุบันบุหรี่จัดเป็นหนึ่งในสินค้ากลุ่มที่ให้อัตรากำไรน้อย แต่เนื่องจากมียอดขายไม่ถึง 10% จากยอดขายทั้งหมด ฝ่ายวิจัยฯจึงคาดว่าจะมีผลกระทบไม่มากนัก คำแนะนำ: เราเห็นว่าข่าวลบที่ออกมายังไม่มีนัยสำคัญ จึงคงคำแนะนำ ทยอยสะสม ด้วยราคาพื้นฐาน 92.50 บาท
+ R&I สถาบันจัดอันดับญี่ปุ่นปรับเพิ่มเครดิตให้ไทย
# บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของญี่ปุ่นได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย(Issuer CreditRating) จากระดับ BBB+ เป็น A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ที่ระดับเสถียรภาพ (StableOutlook)
+ ครม.เศรษฐกิจมีมติเห็นชอบสนับสนุน SME รายย่อย
# ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจมีมติเห็นชอบในหลักการกรอบแนวทางการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมครบวงจรรวม 7 ด้าน 13 มาตรการ (มาตรการ MSME 2020) ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)เสนอ เพื่อสนับสนุน SME รายย่อย และแก้ 5 ปัญหาสำคัญของ SME ทั้งปัญหาแหล่งเงินทุน ความรู้/ทักษะ/การบริหารการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และฟื้นฟูกิจการ
+/- บีโอไอ เผยภาวะการส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือนของปี 2562
# เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยภาวะการส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.62) มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,165 โครงการ เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน1,048 โครงการ ขณะที่มีมูลค่าการลงทุนรวม 314,130 ล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี2561 มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในกิจการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]