- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 October 2014 18:56
- Hits: 1928
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เน้นซื้อค่าบวก…ไม่ผ่าน+ยืนเหนือ 1585 ขายก่อน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ SET Index แกว่งตัวถึง 20 จุดในวัน (ต่ำสุด 1553.33 สูงสุด 1573.43) ปิดตลาดดัชนีสามารถบวกได้ 0.55 จุด ปิดที่ 1570.28 จุด โดยมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มธนาคารพาณิชย์, สื่อสาร, ท่องเที่ยวและอาหาร อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติ,พอร์ตบล. และสถาบันในประเทศยังขายสุทธิ รายย่อยสวนซื้อสุทธิ สำหรับต้นสัปดาห์นี้ Sentiment การลงทุนดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความวิตกเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวผ่อนคลายลง หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ออกมาแข็งแกร่ง (เพิ่ม 2.48 แสนตำแหน่ง) และอัตราการว่างงานลดลงเป็น 5.9% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่ในประเทศมีการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q57 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเราคาดว่า KTB จะมีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในไตรมาสนี้ (คาดไว้ที่ +10%YoY และ +30%QoQ) อย่างไรก็ดี ปัจจัยเรื่องค่าเงิน US$ ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้กังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัว ก็อาจกลับมากดดันตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EmergingMarket) โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย อีกรอบ ในเชิงกลยุทธ์มองว่า ถ้า SET Index ปรับขึ้นแล้วไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1585 จุดได้ ก็ควรขายทำกำไร/ลดพอร์ตการลงทุนไปก่อน เพราะมีโอกาสที่จะลงมาทดสอบ Low เดิมที่ 1550+/- หรือต่ำกว่า สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุนวันนี้เป็น KTB
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ถ้าเป็นลบให้รอซื้อที่แนวเด้ง 1560-1550 จุด โดยการบวกของดัชนีหรือรีบาวด์จากแนวเด้งมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1580-1590 จุด ส่วนหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ประกอบด้วย VIH, ECL, MIDA, NEP,SUSCO, SUPER, SVOA, SOLAR, VGI (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profitรอบสั้น คือ BTC หุ้นที่หลุด List – ไม่มี
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานออกมาดี โดยการจ้างงานนอกภาคการเกษตรก.ย.เพิ่ม 248,000 ตำแหน่ง (ดีกว่าคาดการณ์ที่ 215,000ตำแหน่ง และเพิ่มจาก 180,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า) อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
- สหรัฐ : กังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ 1H58 นายแกดเลอวานอน นักเศรษฐศาสตร์ของคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด กล่าวว่า “การลดลงเร็วของอัตราว่างงาน เพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในช่วง 1H58"
- จีน : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย. อยู่ที่54 ลดลงจาก 54.4 จุดในเดือนส.ค. โดยรายงานระบุว่า ดัชนี PMIภาคบริการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังต่ำกว่า 50 ส่วนภาคบริการในอุตสาหกรรมก่อสร้างอยู่ที่ระดับ 60.2 ในเดือนก.ย.
•/- ยูโรโซน : อัตราว่างงานยูโรโซนเดือนก.ย.ทรงตัวเท่ากับ 11.5%แต่ลดลงจาก 12.0% ในเดือนส.ค.56 ส่วนอัตราว่างงานในกลุ่มอียู 28ประเทศอยู่ที่ 10.1% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.55 โดยออสเตรียมีอัตราการว่างงานต่ำสุดที่ 4.7% รองมาเป็นเยอรมนีที่ 4.9% กรีซว่างงานสูงสุด27% ตามมาด้วยสเปน 24.4%
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งตอบรับตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง โดยDJIA ปิดเพิ่มขึ้นถึง 208.64 จุด ที่ 17,009.69 จุด
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลง...วิตกอุปทานเพิ่ม โดย WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENTลดลง 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้มีรายงานว่ากลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มในเดือนก.ย.สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ส.ค.56
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่ง 22.2 US$ ปิดที่ 1,192.9 US$/ออนซ์ ทั้งนี้ราคาทองคำปรับตัวลดลง 1.9% ในสัปดาห์นี้และลดลงมาแล้ว 1.1%YTD สะท้อนเงิน US$ ที่แข็งค่าขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• AMATA : ทำการศึกษาเรื่องนิคมฯกำจัดขยะ ทั้งนี้ทางรมช.อุตสาหกรรมได้หารือกับผู้บริหาร AMATA ถึงขยะมีพิษในไทยที่มีอยู่ราว3 ล้านตัน/ปี ซึ่งถูกกำจัดอย่างถูกต้องไม่ถึง 50% ทางกระทรวงฯจึงมีแนวคิดตั้งนิคมฯกำจัดขยะอุตสาหกรรมในแต่ละภาค เช่น ภาคกลาง,ตะวันออก โดยมีโรงไฟฟ้าขยะในนิคมฯดังกล่าวด้วย ในเบื้องต้นคาดว่าต้องใช้พื้นที่ 9.3-12.5 พันไร่ ซึ่งทาง AMATA จะกลับไปหาข้อมูลและศึกษาเรื่องเทคโนโลยี ต้นทุน การบริหารจัดการก่อนกลับมาหารือกับกระทรวงฯในรอบต่อๆ ไป
+ การลงทุนโครงการรัฐคืบหน้ามากขึ้น วันนี้รฟม.เปิดซองคุณสมบัติผู้ประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือในด้านเอกสาร หลังจากนั้นจะเข้าสู่การประมูลรอบเทคนิค & ราคา...การเปิดประมูลงานภาครัฐได้เริ่มอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว และคาดว่าจะมีมากขึ้นในช่วงปี 58 เรายังชอบกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับก่อสร้าง ได้แก่ รับเหมาฯ (หุ้นเด่น CK, STEC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่นSCCC, SEAFCO) , ธนาคารที่เน้นปล่อยสินเชื่อภาครัฐ (หุ้นเด่น KTB)
+ KTB รุกสินเชื่อ SME มากขึ้น โดยล่าสุดออกแคมเปญวงเงินกู้สูงสุด 3-5 เท่าของหลักประกัน (ขึ้นกับความเสี่ยงธุรกิจ) อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีรวมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อในปีแรกตามเงื่อนไขของบสย.สำหรับ 1H57 สินเชื่อ SME โต 6% แต่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นใน 2H57 และปี58 และคิดเป็นประมาณ 18% ของสินเชื่อรวม
ความเห็น DBS Retail Research : เราชอบ KTB ที่ปรับกลยุทธ์ด้วยการเน้นลูกค้า SME มากขึ้น ในขณะเดียวกันยังได้อานิสงค์ทางบวกจากการลงทุนภาครัฐที่ฟื้นตัวต่อไป สำหรับสินเชื่อ 8M57 เติบโต 7.7%YoY (+4.9%YTD) เราเชื่อว่าแบงค์จะบรรลุเป้าหมายขั้นสูงของสินเชื่อที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 5-7% ในปีนี้ คาดธนาคารจะตั้งสำรองฯระดับปกติที่ 2-2.5 พันล้านบาท/ไตรมาสช่วง 2H57 หลังจากตั้งไปสูงถึง 7.1 พันล้านบาทใน 1H57 ฝ่ายวิจัยฯ DBS คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q57 ไว้ที่ 9.8 พันล้านบาท เติบโต10%YoY และ 30%QoQ โดยหลักมาจากการตั้งสำรองฯ ลดลง แนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท อิงกับ P/BV ปี 58 ที่ 1.6 เท่า
+ MC : ธุรกิจเริ่มกระเตื้องใน 3Q57 และจะเติบโตเร่งตัวขึ้นใน 4Q57เนื่องจาก 4Q เป็นฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยเพื่อรับเทศกาลท่องเที่ยวและปีใหม่โดยรวมทั้งปี 57 เราคาดว่ารายได้จะเติบโต 18% โดยให้สมมติฐานการเปิดจุดจำหน่ายใหม่เป็นไปตามแผนที่บริษัทตั้งไว้ คือ 110 แห่ง (รวม TimeDeco) แต่กำไรสุทธิจะขยายตัวน้อยกว่า คือ 9% เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาและการปรับ Product Mixed ทำให้อัตรากำไรน้อยลง สำหรับปี 58คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเพิ่มเป็น 20% ซึ่งมาจาก 1) ฐานที่ต่ำในปี 57โดยเฉพาะใน 1H57, 2) จุดจำหน่ายที่มีอยู่เดิมก่อให้เกิดรายได้มากขึ้นและรับรู้รายได้ & กำไรเต็มปี 58 และ 3) จะเปิดจุดจำหน่ายใหม่ในระหว่างปี 58อีก 90-100 แห่ง ขณะที่เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช่วยหนุนกำลังซื้อให้ดีขึ้นด้วยแนะนำซื้อ ให้ราคาตามพื้นฐาน 24.10 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 20 เท่าทั้งนี้หุ้นมี Catalyst จากการฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า และโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่จะทำให้บริษัทมีการเติบโตในลักษณะที่เป็น Inorganic growth
+ VGI : คาดกำไรเติบโตแกร่งทั้งในระยะสั้นและยาว ประเมินว่ากำไรสุทธิ 2Q57/58 เติบโตราว 50%QoQ ส่วนในระยะยาวขยายตัวสดใสเนื่องจาก 1) ธุรกิจสื่อฟื้นตัวดีขึ้น และอัตราการเติบโตของสื่อนอกบ้านซึ่งVGI เป็นผู้นำในส่วนนี้ สูงกว่าสื่อในบ้าน 4-5 เท่าตัว, 2) มีโอกาสที่ BTS จะได้บริหารเส้นทางเดินรถเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ VGI มีพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้นไปอีกและ 3) มีโอกาสที่บริษัทจะเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพิ่มเติม ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน IAA Consensus เท่ากับ 15.97 บาท (ซื้อ-3 รายและถือ-1 ราย)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]