- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 November 2019 15:36
- Hits: 4130
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Buy//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นทดสอบกรอบบนใกล้เคียง 1,610 จุดก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาปิดทรงตัวจากวันก่อนหน้า แรงซื้อขายเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่อย่างผสมผสานโดยกลุ่มสื่อสารเป็นกลุ่มที่ถ่วงตลาด สถาบันในประเทศซื้อสุทธิสูงถึง 5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่นเช่นกัน 3.9 พันลบ. (แต่ยัง Long Index Futures เล็กน้อย 2.9 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,590-1,610 จุดโดยยังต้องตามความคืบหน้าประเด็นการลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่คืนนี้สหรัฐฯจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานเดือน ต.ค. ส่วนฝั่งบ้านเราโฟกัสหลักยังอยู่ที่การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 3Q19 ของฝั่ง Real Sector รวมถึงกนง.ที่จะประชุมสัปดาห์หน้า (เราคาดลดดอกเบี้ย 1 ครั้งจาก 2 การประชุมสุดท้ายของปี) โดยรวมยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนเข้ามาหนุนตลาด จึงยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์ : Selective Buy หุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวและมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง//สะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดปรับลง
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : AOT, CHG, RBF, TACC, TISCO
หุ้นเด่นวันนี้: SISB
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 9.20 บาท
- แนวโน้ม 3Q19 เพิ่มขึ้นจากการเปิดภาคการศึกษาใหม่ (เดือน ส.ค.) เป็นไตรมาสที่รายได้และกำไรยกฐานขึ้น เบื้องต้นเราคาดจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น 50 คนจากไตรมาสก่อน หรือเพิ่ม 200 คนจากปี 2018 (เป้าของบริษัทอยู่ที่ 200-250 คน)
- กำไร 3Q19 จึงน่าจะทำได้ 60 ลบ. +15% Q-Q, +115% Y-Y จาก Utilization rate ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 62.5% จาก 61.5% ใน 2Q19 ซึ่งจะทำให้กำไรทั้งปี +108% Y-Y เป็น 215 ลบ.
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเบาบางลง US$51ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$167ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทยสูงสุด US$128ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเพราะนักลงทุนในตลาดกลับมาไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการค้าจีนและสหรัฐว่าจะสามารถตกลงกันได้หรือไม่
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ตลาดหุ้นเดือน พ.ย. ในช่วงครึ่งเดือนแรกน้ำหนักอยู่ที่ผลประกอบการซึ่งเชื่อว่าจะผันผวนไร้ทิศทางตามกำไรของบจ. หากไม่ต่ำผิดคาดจนทำให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการลงอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าจุดต่ำของเดือนก่อนที่ 1,580 จุดรับอยู่ เพราะการเจรจาการค้าของสหรัฐ-จีนเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแม้จะมีความไม่แน่นอนอยู่ก็ตาม แต่การฟื้นตัวแรงของดัชนีเป็นไปได้ยากจากภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศที่เปราะบาง เราคาดดัชนีเดือนนี้แกว่งในกรอบ 1,580-1,640 จุด การลงทุนในเดือนนี้ เน้นหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีได้แก่ AOT, CHG, RBF, TACC, TISCO
(0) เราคาดกำไรปกติของหุ้นในกลุ่ม Real sector 3Q19 ฟื้น +6% Q-Q แต่ -25% Y-Y กลุ่มที่กำไรที่ฟื้นได้แก่กลุ่มการแพทย์ กลุ่มมือถือ กลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มอสังหาฯ (2Q19 ถูกกระทบจากเกณฑ์ LTV) กำไรที่ลดลง Y-Y เป็นผลสะท้อนจากเศรษฐกิจที่แย่ลงทั้งในและต่างประเทศ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับส่งออก เช่น อาหาร อิเล็กทรอนิคส์ และแม้แต่กลุ่มโรงแรม ถูกกระทบเพิ่มจากบาทแข็ง และกลุ่ม Global plays เช่นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี demand ชะลอจากสงครามการค้า
(+) ASK เราคาดกำไร 3Q19 ทำจุดสูงสุดใหม่ 233 ลบ. +12% Q-Q, +5% Y-Y เพราะไม่มี Employee benefit เหมือน 2Q19 รายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมโตตามสินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ แนวโน้ม 4Q19 ดีขึ้นตามฤดูกาล คาดกำไรทั้งปี +7% Y-Y และปีหน้า +8% Y-Y ASK เป็นหุ้น high dividend yield ราว 6-7% คาดจ่าย 1.72 บาท/หุ้นปีนี้และ 1.86 บาท/หุ้นปีหน้า ปรับไปใช้เป้าปีหน้าที่ 28 บาท แนะนำซื้อ
(+) ADVANC ประกาศกำไรสุทธิ 3Q19 ที่ 8.80 พันลบ. +14% Q-Q, +29% Y-Y หากตัดรายการพิเศษ จะเป็นกำไรปกติ 8.46 พันลบ. +6% Q-Q, +22% Y-Y ดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย จากรายได้ที่เติบโตทุกธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ARPU ของธุรกิจมือถือทำได้เพียงทรงตัว Q-Q และ +4% Y-Y โตน้อยกว่าตลาดคาด อาจเป็นปัจจัยที่ตลาดกังวล แต่เราคิดว่าเร็วเกินไปที่จะกังวล ส่วนหนึ่งเป็นผลของฤดูกาล และการแข่งขันที่เกิดในตลาด Prepaid เป็นไปในวงจำกัด ในขณะที่ราคาประมูล 5G ต่ำกว่า 4G มาก ไม่กดดันต้นทุน เราคงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 260 บาท แนะนำซื้อ
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 140.46 จุด ปิดที่ 27,046.23 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่จีนไม่มั่นใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าในระยะยาวกับสหรัฐ รวมถึงถูกกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตทั้งในสหรัฐและจีนที่อ่อนแอ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(-) ตลาดเอเชียปรับลง จากความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับสัญญาณความคืบหน้าของการเจรจาการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 88 เซนต์ ปิดที่ 54.18 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลทั้งประเด็นสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ก่อน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 18.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,514.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดดาวโจนส์ปรับลง และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 915.55 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1 พ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Manufacturing (ต.ค.)
- เกาหลีใต้: ส่งออก-นำเข้า (ต.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ต.ค.), ISM Manufacturing (ต.ค.)
4 พ.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ต.ค.)
- อินโดนีเซีย: 3Q19 GDP
5 พ.ย. - จีน: Caixin China PMI Services (ต.ค.)
6 พ.ย. - ไทย: กนง.ประชุม
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research