- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 October 2019 22:15
- Hits: 2333
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Buy//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่เราคาดบวก 10.62 จุด ณ สิ้นวันและยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้อีกครั้ง หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้ายังคงมีแรงขายออกมาอย่างหนาแน่นและย้ายเข้าสู่กลุ่มธนาคาร พลังงานและปิโตรเคมี สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 พันลบ.และ 470 ลบ. ตามลำดับ (สถานะใน Index Futures เปลี่ยนแปลงไม่มีนัยยะ)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,590-1,610 จุดหลังสามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 1,600 จุดได้ ประกอบกับบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างผ่อนคลายหลัง FED ลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด และคาดว่ามีโอกาสที่กนง.จะลดดอกเบี้ยเช่นกันในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามยังเป็นเรื่องการลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 3Q19 ฝั่ง Real Sector บ้านเราที่จะทยอยประกาศออกมาซึ่งโดยรวมไม่สดใสนัก เราจึงยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์ : Selective Buy หุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวและมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง//สะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดปรับลง
หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : ADVANC, AOT, BCH, CPALL, ORI
หุ้นเด่นวันนี้: RBF
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2020 ที่ 4.60 บาท
- แนวโน้มกำไร 3Q19 จะเติบโตสูงทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนไตรมาสก่อน และมีการปรับ Product Mix มาตั้งแต่ปีก่อน เราคาดกำไร 95 ลบ. +58% Q-Q, +53% Y-Y
- แนวโน้ม 4Q19 ดีต่อตามฤดูกาล ทุกอย่างยังสอดคล้องกับประมาณการของเราที่คาดกำไรปีนี้ +13% Y-Y และโตต่อเนื่อง 14% Y-Y ปีหน้าจากการรับรู้รง.ใหม่ที่เวียดนามและอินโดนีเซีย การเติบโตของลูกค้าเดิมตามกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง (FSS เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ RBF)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$180ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$200ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$16ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$41ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลัง Fed มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% พร้อมส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสะท้อนความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) Fed ลดดอกเบี้ยตามคาด 0.25% สู่ 1.5-1.75% แต่ส่งสัญญาณไม่ลดอีกยกเว้นเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นรุนแรงหรือศก.สหรัฐแย่ลงมาก ขณะที่ GDP 3Q19 +1.9% แม้จะลดลงจาก 2Q19 ที่ +2% จากการลงทุนของภาคธุรกิจที่หดตัว แต่ก็ยังเป็นระดับที่แข็งแรง
(+) ประมูล 5G ก.พ. ปีหน้า ราคาที่กสทช.เผยถือว่าค่อนข้างต่ำและสอดคล้องกับที่เราคาดเพราะ supply มีมาก และ demand ไม่ได้เร่งด่วน และยังมี grace period จึงไม่กดดันกำไรของอุตสาหกรรม เรายังคาดกำไรปกติของกลุ่มมือถือปีนี้ +40% Y-Y ปีหน้า +13% Y-Y ยังให้น้ำหนัก Overweight หุ้นเด่นเป็น ADVANC
(+) EA เราคาดกำไร 3Q19 สดใส +14% Q-Q, +37% Y-Y เป็น 1.53 พันลบ. จากโรงไฟฟ้าพลังลมที่เข้าสู่ high season ชดเชย low season ของโรงไฟฟ้าโซลาร์ได้ ประเด็นโซนนิ่งกำลังรออนุมัติจากครม. เชื่อไม่กระทบรง.แบตฯเพราะมีแผนสำรอง เราคาดกำไรปีนี้ +44% Y-Y ปีหน้า +19% Y-Y จากธุรกิจใหม่ทั้งรถไฟฟ้า เรือไฟฟ้า สถานีชาร์จรถไฟฟ้า PCM และ Battery storage ปรับไปใช้เป้าปีหน้าที่ 60 บาท (ลดจากเป้าปีนี้เพราะโครงการแบตล่าช้า) ยังคงแนะนำซื้อ
(+) TACC กำไร 3Q19 คาดว่าชะลอเล็กน้อย -7% Q-Q ตามฤดูกาลแต่ +82% Y-Y เป็น 40 ลบ. จากการเติบโตของทุกธุรกิจ กำไรอาจทำจุดสูงสุดใน 4Q19 เราปรับเพิ่มกำไร 2019-20 ขึ้น 13% และ 6% ตามลำดับ เป็นเติบโต 136% Y-Y ในปีนี้และ +6% Y-Y ในปีหน้า และมี upside หาก 7-11 เปิดสาขาในกัมพูชาสำเร็จ ปรับไปใช้เป้าปีหน้าที่ 6.80 บาท แนะนำซื้อ
(+) JWD กำไร 3Q19 สดใสตามฤดูกาลของห้องเย็น คลังสินค้าทั่วไปและสินค้าอันตราย ที่มี demand สูง เราคาด 88 ลบ. +10% Q-Q, +26% Y-Y แนวโน้มยังดีต่อใน 4Q19 คาดกำไรทั้งปี +45% เพราะเก็บเกี่ยวผลตอบแทนที่ลงทุนซื้อหลายกิจการในปีก่อน ปรับไปใช้เป้าปีหน้า 12 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 115.27 จุด ปิดที่ 27,186.69 จุด หนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมวานนี้ ตามที่ตลาดคาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากข่าวการเจรจาควบกิจการระหว่างเปอโยต์และเฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิลส์
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น หนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมวานนี้
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.17 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 48 เซนต์ ปิดที่ 55.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดคาด
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,496.7 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 915.55 / -1.76
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
31 ต.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ย., ADVANC ประกาศงบ (เย็น)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ต.ค.)
- ฮ่องกง: 3Q19 GDP
- ยูโรโซน: 3Q19 GDP
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
1 พ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Manufacturing (ต.ค.)
- เกาหลีใต้: ส่งออก-นำเข้า (ต.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ต.ค.), ISM Manufacturing (ต.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research