- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 October 2019 22:05
- Hits: 2148
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------------
Market Outlook
• วันนี้คาดดัชนี SET แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,590-1,615 จุด โดยแม้ตัวเลขเศรษฐกิจ GDP สหรัฐฯบ่งชี้ภาวะชะลอตัว แต่วานนี้ FED มีมติปรับลดอัตรา ดบ.นโยบายลง 25 bps เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน บวกกับประเด็น Trade war ยังคงเดินหน้าข้อตกลงร่วมเฟส1 ต่อไป
• Market Factor
• (0) ผลการประชุม Fed คณะกรรมการ FOMC มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps อยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% เป็นไปตามที่ตลาดคาด บวกกับมุมมองของ Fed ต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
• (0) แม้ชิลีประกาศยกเลิกการประชุม APEC วันที่ 16-17 พ.ย. 62 จากเหตุผู้ประท้วงในชิลี แต่อย่างไรก็ดีทางสหรัฐฯ ยังคงยืนยันเดินหน้าลงนามข้อตกลงการขั้นที่ 1 ค้ากับจีนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
• (-) สหรัฐฯ รายงานตัวเลข GDP 3Q62 เบื้องต้นที่ระดับ 1.9%QoQ ลดลงจากช่วง 1Q62 และ 2Q62 ที่ระดับ 3.1%QoQ และ 2.0%QoQ ตามลำดับ บวกกับ PMI ของจีนเดือน ต.ค. ทั้งภาคการผลิตและบริการ ปรับลดลงที่ระดับ 49.3 จาก 49.8 และ 52.8 จาก 53.7 ตามลำดับ
• (watch) กระทรวงการคลังเตรียมสรุปแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรูปแบบใหม่ในสัปดาห์หน้า เพื่อทดแทนกองทุนLTF ที่จะสิ้นสุดในสิ้นปี โดยมีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนรวมใหม่ที่สนับสนุนการออมระยะยาว พร้อมขยับวงเงินลงทุนที่ให้การลดหย่อนเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มคนส่วนใหญ่และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้มีการเสนอแนวคิดกองทุนรวมหุ้นยั่งยืน SEF จาก FETCO เป็นหนึ่งในแนวคิดกองทุนรวมใหม่ทดแทน LTF เดิม เป็นต้น(กรุงเทพธุรกิจ)
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 96.19บาท หรือลดลง 16.45%YTD
• Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 470.31 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิลดลงเหลือ 3,978.16 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ แม้ตลาดจะมีแนวโน้มรีบาวด์กลับขึ้นมา แต่เรายังมองในทางลง โดยประเมิน Upside จำกัด หลังเกิด Sector Rotation จากหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าไปยังหุ้นกลุ่มพลังงงานและธนาคาร ขณะที่ปัจจัย Trade war สหรัฐฯ-จีน ยังคงเป็นประเด็นหลักที่ Drive ตลาดในต่างประเทศ อีกทั้งในสัปดาห์จะเป็นช่วงการประกาศผลประกอบการซึ่งคาดทำให้ SET Index ผันผวนในกรอบ 1,590-1,615 จุดตามเดิม อย่างไรก็ดี เราแนะนำนักลงทุน เริ่มทยอยลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaroundของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), ,ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
• หุ้นกลุ่มร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง3Q62โตเด่น เข้าสู่ High Season: BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ, YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วงHigh Seasonบวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่ม ชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโต YoY หนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจากรพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11, AMATA, PLANB, PRM
30-Oct-19 Change (pts.) 29-Oct-19
SET Index 1,601.83 10.62 1,591.21
SET50 Index 1,075.91 9.43 1,066.48
SET100 Index 2,361.23 19.90 2,341.33
High 1,601.83 Gainers 731
Low 1,589.48 Unchanged 455
Value (Bt m) 66,498.35 Losers 845
Volume (*000) 22,288,161
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.7 15.0 15.0
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -4.5
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.7
ROE 10.3 10.6 10.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 30-Oct-19 WTD MTD YTD
Institution 1,847.60 3,840.07 (4,610.45) 19,644.61
Proprietary (164.19) (706.55) (2,079.40) 11,416.78
Foreign (470.31) (1,653.10) (3,978.18) (9,207.03)
Individual (2,153.72) (1,480.42) 10,668.03 (21,854.35)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary