- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 October 2019 23:11
- Hits: 1289
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------------
Market Outlook
• วันนี้มองตลาดแกว่งผันผวนในกรอบ 1,575-1,605 จุด โดยแม้ภาพการเจรจา Trade war สหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้า แต่คาดถูกกลบด้วยปัจจัยเสี่ยงในประเทศจากการที่สหรัฐฯออกมาตรการตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสินค้านำเข้าจากไทย GSP ซ้ำเติมภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
• Market Factor
• (+) มีความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังสามารถตกลงในข้อตกลงการค้าขั้นที่ 1 ได้บางส่วน ซึ่งข้อตกลงการค้าขั้นที่ 1 ทางสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ และทางจีน นายสี จิ้นผิง เตรียมลงนามในการประชุม APEC วันที่ 16-17 พ.ย. 62
• (watch) สัปดาห์นี้เป็นช่วงรายงานผลประกอบการ 3Q62 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ โดยปัจจุบันมีบริษัทที่รายงานผลประกอบการแล้ว 38% ของดัชนี S&P500 และมีผลประกอบการ 78% มากกว่าที่ตลาดคาด
• (-) กระทรวงพาณิชย์ เผยผลกระทบหลังสหรัฐฯ ตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสินค้านำเข้า GSP จากไทยโดยเริ่มมีผลตั้งแต่25 เม.ย.63 คาดกระทบทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค คิดเป็นมูลค่าราว 4 หมื่นลบ. พร้อมประเมินผลกระทบภาคส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 0.01%ของมูลค่าการส่งออกรวมไทย เมื่อมาตรการมีผลบังคับใช้ (กรุงเทพธุรกิจ)
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 98.3 บาท หรือลดลง 14.62%YTD
• Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเป็นวันที่สองอีก 1,466.46 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 2,325.06 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามองตลาดแกว่งลงในกรอบ 1,575-1,610 จุด โดยแม้จะมีแรงหนุนจาก Trade war สหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่เรามองตลาดเผชิญปัจจัยลบจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น บวกกับการตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยบางรายการ ขณะที่เรามองว่าการประชุม Fed ในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ เรามองว่าตลาดรับข่าวว่า Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ไปแล้ว อย่างไรก็ดี เรายังคงแนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน และทยอยลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขาBigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พันลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaroundของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoYบวกกับมี Backlog 1.1 พันลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆเพิ่ม)
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น เข้าสู่ High Season: BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ, YoYหนุนด้วยการเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่ม ชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโตYoYหนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจากรพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11
25-Oct-19 Change (pts.) 24-Oct-19
SET Index 1,593.28 -27.69 1,620.97
SET50 Index 1,066.34 -17.09 1,083.43
SET100 Index 2,341.70 -42.28 2,383.98
High 1,622.66 Gainers 382
Low 1,592.66 Unchanged 271
Value (Bt m) 76,698.83 Losers 1,441
Volume (*000) 24,497,454
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.2 14.5 14.5
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -2.4
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.7 1.6 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.5 3.8
ROE 10.3 10.6 10.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 25-Oct-19 WTD MTD YTD
Institution (2,517.78) (7,673.10) (8,450.52) 15,804.54
Proprietary (178.05) 222.37 (1,372.85) 12,123.33
Foreign 1,466.46 4,327.50 (2,325.09) (7,553.93)
Individual 1,229.37 3,123.23 12,148.45 (20,373.93)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary