- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 October 2019 16:39
- Hits: 1421
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้าดีขึ้น Brexitไม่แน่นอน รอผลประกอบการ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -10.65 จุด ปิดที่ 1620.78 จุด มูลค่าการซื้อขายซบเซาเป็น 41 พันล้านบาท ดัชนีแย่กว่าภูมิภาค ปัจจัยลบคือ ตัวเลขส่งออก ก.ย.แย่กว่าคาดและ SCB ปรับลงแรง เกิดกรณี PACE ไม่สามารถชำระเงินกู้ได้ และรอดูผลในหลายเรื่อง เช่น Brexit ผลประกอบการสหรัฐ-ไทย เจรจาการค้า ซื้อสุทธิคือ รายย่อย ต่างชาติ ขายสุทธิเป็นสถาบัน และโบรกเกอร์ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเป็น 6.1 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ทรัมป์คาดเจรจาการค้ากับจีนดีขึ้น Brexit กลับมาไม่แน่นอน หลัง EU ยังไม่ตอบรับการขอเลื่อน จะออกปลายเดือนนี้แบบไร้ข้อตกลงไหม ดาวโจนส์วานนี้ตอบรับทางบวกเจรจาการค้า ดาวโจนส์-น้ำมันล่วงหน้าเช้านี้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน นักลงทุนเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ทองคำปรับลง และบอนด์ยิลด์ปรับเพิ่มส่วนปัจจัยลบคือ น้ำมันดิบปรับลง ส่งออกไทย ก.ย.ติดลบ ต่ำคาด
# ระยะสั้นคาด SET- สดใสขึ้น จากความหวังเจรจาการค้า แต่ก็วางใจไม่ได้ เพราะมักพลิกผัน ข่าว PACE จ่าย SCB ไม่ทัน กังวล NPLs กลุ่มแบ็งค์ ส่วน AWC ปรับลงใกล้จอง หลังมี DW เป็น Put มากขึ้น ผลประกอบการหลังกลุ่มแบ็งค์ จะเป็นวัสดุก่อสร้าง และพลังงาน หุ้นเด่นเป็นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว และพาณิชย์ จากมาตรการส่งเสริมจากรัฐการลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive ปันผลสูง และ Domestic Play หลังเศรษฐฺกิจชะลอ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1610-1640 จุด แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด แนวรับอยู่ที่ 1600-1590 จุด การเข้าเก็งกำไรควรเข้าไว-ออกไว กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 ปีหน้า1725 จุด หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง- DIF,CRYSTAL,TPRIME,MTC,SAWAD ปันผลสูง- KKP,TISCO,LH หุ้นDEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปีอากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH โรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ได้รับผลกระทบจำกัดจากไฟไหม้- GFPT
# Stock Pick Today : SCC หลังจบเทนเดอร์ฯถือหุ้นใน Fajar 55.235% สำหรับ Fajar เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียเริ่มทำงบฯรวมกับ Fajar เต็มไตรมาสตั้งแต่ 4Q62 และทำให้มูลค่าหุ้น SCC เพิ่มขึ้น 2 บาท/หุ้น ทั้งนี้เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับการขยายการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เราแนะนำซื้อลงทุนใน SCC โดยให้ราคาพื้นฐาน 493 บาท/หุ้น คาดว่าราคาหุ้นปรับลงสะท้อนสเปรดปิโตรเคมีที่ต่ำไปพอควรแล้ว ขณะที่ SCC ถือเป็นหุ้น Value Play ในตลาดหลักทรัพย์ฯการวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก” (มี“SMA10”กลับมาหนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1620” (แนวรับย่อย “1600 – 1590 / 1580” จุด)}
หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคทำ New High เข้ามาใหม่คือ KTB,SCCC,DIF,CKP,PSL,CHG,RPH ที่ยังอยู่ใน List คือ BCH,EGCO,PRM,PSL,STPI,MBK,JMART,WHAUP,AOT,DOHOME หุ้นหลุด List คือ ไม่มี หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ OSP
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BCP (ถือ -ราคาพื้นฐาน 29.00)
Flash Note : GFPT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 19.00)
KBANK (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 270.00)
KTB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 19.80)
Industry Focus: ที่อยู่อาศัย
New Listing : SMART-W2
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/• เจรจาการค้าจีน-สหรัฐ: ทรัมป์ส่งสัญญาณเป็นไปได้บรรลุยุติสงครามการค้า
# มีความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ที่สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามการค้า และการเจรจาการค้ามีความคืบหน้าอย่างมาก ขณะที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐจะทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาทางการค้า และยังกล่าวว่าการเจรจามีความคืบหน้าอย่างมากเช่นกัน
+/- Brexit: สหภาพยุโรป (EU) ยังไม่ได้ตอบรับต่อข้อเสนอขอเลื่อนการออกของอังกฤษ
# นักลงทุนจับตาสถานการณ์ Brexit อย่างใกล้ชิด โดยนายไมเคิล โกฟ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายบอริส จอห์นสันนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) ยังไม่ได้ตอบรับต่อข้อเสนอของรัฐบาลอังกฤษเกี่ยวกับการขยายเส้นตายการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่งผลให้เขาต้องเร่งจัดทำแผนรับมือความเป็นไปได้มากขึ้นที่อังกฤษอาจแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)
+/- ผลประกอบการสหรัฐ: ติดตามบริษัททยอยประกาศ S&P เหลือราว 24%
# นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทราว 120 แห่ง หรือราว 24% ในดัชนี S&P 500 จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทโบอิ้ง, แคทเธอร์พิลลาร์, อเมซอน และอินเทล
• สหรัฐ: ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดริชมอนด์, ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับขึ้น รับข่าวสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,827.64 จุด เพิ่มขึ้น 57.44 จุด หรือ +0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,006.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.52 จุด หรือ +0.69% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,162.99 จุด เพิ่มขึ้น 73.44 จุด หรือ +0.91%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขานรับมุมมองบวกที่ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามการค้า โดยปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในกลุ่มนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน
- น้ำมัน: WTI ปรับลง กังวลเศรษฐกิจโลก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 53.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 58.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งรอดูสัญญาณจากบรรดาชาติสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในระยะนี้ ก่อนที่การประชุมโอเปกจะมีขึ้นในเดือนธ.ค.ที่กรุงเวียนนา
+ ทองคำ: ปรับลง หลังดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 6 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,488.1ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- ก.พาณิชย์ เผย ก.ย.62 ส่งออกหดตัว -1.39% y-o-y ต่ำกว่าคาด +3% y-o-y
# กระทรวงพาณิชย์ แถลง ก.ย.62 การส่งออกมีมูลค่า 20,481.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -1.39% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 19,206.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -4.24% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,275.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับในช่วง9 เดือนของปี 62 (ม.ค.-ก.ย.) การส่งออกมีมูลค่ารวม 186,571.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -2.11% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่ารวม 179,190.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -3.68% แต่ยังเกินดุลการค้า 7,381.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
# กระทรวงพาณิชย์ มองปีนี้มีโอกาสติดลบราว 1% ก่อนกลับเป็นบวกในปี 63
# ผลกระทบ: เป็นลบ ยอดส่งออก ก.ย.62 เป็นลบ แต่ลบน้อยกว่า ส.ค.62 ที่ -4% y-o-y แต่ต่ำกว่าคาดก่อนหน้าที่ +3% yo-y การส่งออกที่ไม่สดใสยังเป็นแรงกดดันต่อ SET และการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
-PACE เร่งเจรจาแผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับ SCB หลังผิดนัดชำระหนี้งวดแรก 2.65 พันลบ.
# PACE ระบุว่าบริษัทจะเร่งดำเนินการปรึกษาและเจรจากับธนาคาร ในการจัดทำแผนการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ของบริษัท ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพต่อไป และเพื่อหาแนวทางให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติและรักษามูลค่าทางธุรกิจของบริษัทไว้
# การผิดนัดชำระหนี้รวม 2,645 ล้านบาท คิดเป็น 12.55% ของสินทรัพย์รวมนอกจากนี้การผิดนัดดังกล่าว เป็นผลให้เกิดการผิดนัดในมูลหนี้อื่น (Cross Default) โดยที่เจ้าหนี้ยังมิได้ส่งหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ รวม 9,227 ล้านบาท คิดเป็น43.76% ของสินทรัพย์รวม
# ผลกระทบ: เป็นผลลบกระทบด้านลบกับ SCB นักวิเคราะห์กล่าวว่าใน 3Q62 มีการตั้งสำรองฯขึ้นมาราว 9 พันล้านบาทอาจจะเป็นกรณีของ PACE แม้ไม่มากเทียบกับพอร์ตสินเชื่อที่ระดับแสนล้านบาท แต่ต้องติดตามคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันแนะนำเพียงถือ SCB ราคาพื้นฐาน 138 บาท ก็เป็นเรื่องนี้ สำหรับ PACE ควรหลีกเลี่ยง ยังไม่แน่นอนเรื่องความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ และมูลหนี้ที่ค้างเป็นสัดส่วนสูงเทียบสินทรัพย์ มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น(book value) ล่าสุดเหลือเพียง 0.02 บาทต่อหุ้น หากต้องตั้งสำรองฯเกี่ยวกับหนี้ในอนาคต มีโอกาสจะลดลงไปอีกปัจจุบัน PACE ติดเครื่องหมาย C (Cauation) คือ มีส่วนผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน
+ BANPU: เปิดโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ในจีน เดินหน้าขยายกำลังผลิตสูงสุดในอาเซียน
# "บ้านปูฯ" เปิดโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ในจีน เดินหน้าขยายกำลังผลิตสูงสุดในอาเซียน รองรับการผลิตได้ถึง 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง เพื่อรองรับแผนขยายตลาดและดีมานด์จากทั่วโลก โดยเข้าถือหุ้นร้อยละ 47 ของบริษัท ดูราเพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจกักเก็บพลังงานชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลกมาประมาณ 10 ปี (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นบวก แต่เราไม่ได้ทำการวิเคราะห์ (Not Rated) ในการเข้าสู่ธุรกิจที่เป็นแนวโน้มในอนาคต รองรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากปัจจุบันที่ทำธุรกิจเป็นถ่านหินและไฟฟ้า
# แต่ดูเป็นลบกับ EA (Not Rated) ที่มีการทำธุรกิจนี้มาก่อน ซึ่งจะมีคู่แข่งเพิ่ม โดย EA เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัท AmitaTechnologies ผู้นำในธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนโพลิเมอร์ ไต้หวัน ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2559 กำลังการผลิตในเฟสแรก 1กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง(GWh) ด้วยเงินลงทุน 5,000 ล้านบาทและขยายการลงทุนในเฟสที่ 2 อีก 49 กิกะวัตต์ (GWh) ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ใช้เงินลงทุนมากกว่าแสนล้านบาท แต่อาจไม่มีผลลบหากตลาดรถยนต์ EV เติบโตอย่างมากในอนาคต
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]