- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 October 2019 16:13
- Hits: 13119
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“งบประมาณผ่าน กำไรแบงค์ดี แต่ต่างประเทศผันผวน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ -1.37 จุด ปิดที่ 1631.43 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางเป็น 55.4 พันล้านบาท ดัชนีแกว่งแคบเหมือนภูมิภาค ปัจจัยลบคือจีนประกาศตัวเลข GDP 3Q62 ต่ำกว่าคาด และรอดูผลในหลายเรื่อง เช่น Brexit ผลประกอบการสหรัฐ-ไทย เจรจาการค้า การผ่านงบประมาณปี 63 ซื้อสุทธิคือ รายย่อย โบรกเกอร์ ขายสุทธิเป็นต่างชาติ และสถาบัน ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 6.7 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ผ่านร่างงบประมาณปี 63 ฉลุย กำไรกลุ่มธนาคารน่าพอใจ แต่ต่างประเทศผันผวน Brexist กลับมาไม่แน่นอน สภาฯให้เลื่อนเวลาจากปลายเดือนนี้ สหรัฐ-กังวลผลประกอบการหุ้นจอห์นสันฯและโบอิ้ง เศรษฐกิจจีน 3Q62 ต่ำกว่าคาด ด้านน้ำมันกลับมาปรับลงทั้งตลาดสป็อตและล่วงหน้า ดัชนีความกังวลเพิ่มเล็กน้อย ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ Mix บวกและลบแกว่งแคบ แต่ดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก
# ระยะสั้นคาด SET- มีแนวโน้ม Sideway ปัจจัยในประเทศที่ดีคือ ผ่านร่างงบประมาณ และกำไรกลุ่มธนาคารน่าพอใจ แต่ถูกหักล้างด้วยปัจจัยต่างประเทศ กลุ่มธนาคาร แนะนำ BBL,KBANK และ KKP สภาวิชาชีพบัญชีมีแนวโน้มผ่อนผันบจ.ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์คล้ายทุน หุ้นเด่นเป็นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยวและพาณิชย์ จากมาตรการส่งเสริมจากรัฐ การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive ปันผลสูง และ Domestic Play หลังเศรษฐฺกิจชะลอ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1625-1650 จุด แนวต้านเป็น 1640-1650 จุด แนวรับอยู่ที่ 1600-1590 จุด การเข้าเก็งกำไรควรเข้าไว-ออกไว กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 ปีหน้า 1725 จุด หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง- DIF,CRYSTAL,TPRIME,MTC,SAWAD ปันผลสูง- KKP,TISCO,LH หุ้น DEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปี อากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH โรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ได้รับผลกระทบจำกัดจากไฟไหม้- GFPT
# Stock Pick Today : AOT ธุรกิจมั่นคง โดยเป็นผู้ประกอบการสนามบินแห่งเดียวของไทย แนวโน้มกำไรเติบโตดีในระยะยาว โดยเฉพาะปี 64 จะเริ่มมีรายได้ค่าเช่าจากคิงพาวเวอร์ซึ่งเป็นรายได้ที่แน่นอนเข้ามาเสริมมากขึ้น ส่วนในระยะยาวก็จะมีรายได้จากโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 เข้ามา ทางฝ่ายวิจัยฯ DBS ให้ราคาพื้นฐาน80 บาท (DCF)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ {“ปิดลบ” แต่ก็ยังยืนเหนือ“SMA10วัน” (โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มีSMA10“หนุน”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1640 (หรือ 1650) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1625” (แนวรับย่อย “1600 – 1590 / 1580” จุด)}
หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคทำ New High เข้ามาใหม่คือ STPI,MBK,JMART,WHAUP,AOT,OSP,DOHOME ที่ยังอยู่ใน List คือ BCH,EGCO,PRM,PSL หุ้นหลุด
List คือ KBNK,CPN หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ JWD,TOA,RATCH,COM7
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Flash Note : BBL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 250.00)
KKP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 97.00)
SCB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 138.00)
TCAP (ถือ -ราคาพื้นฐาน 59.50)
In The News : กลุ่มขนส่งและรับเหมาก่อสร้าง
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/• Brexit: รัฐมนตรีอังกฤษยืนยัน Brexit เกิดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. แม้นายกฯถูกบีบให้ยื่นหนังสือขอเลื่อนเวลา
# รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) ตามกำหนดในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แม้ว่านายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ส่งจดหมายถึงสหภาพยุโรป (EU) เพื่อขอเลื่อนเวลาBrexit ภายหลังจากสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษได้ลงมติเลื่อนการตัดสินใจรับรองข้อตกลง Brexit ที่นายจอห์นสันทำร่วมกับEU
-/+ ผลประกอบการสหรัฐ: กังวลผลประกอบการจอห์นสันฯและโบอิ่ง แต่ หุ้นใน S&P 500 ดีกว่าคาด
# มีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐ อาทิ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และบริษัทโบอิ้ง
# FactSet รายงานว่า บริษัทกว่า 70 แห่งในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการ Q3 ออกมาแล้ว ซึ่ง 81% มีผลประกอบการสูงเกินกว่าที่ตลาดคาดไว้
-จีน: GDP 3Q62 ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
# นักลงทุนวิตกกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกด้วยหลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 ขยายตัว 6.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่6.1%
- สหรัฐ: ตัวเลขดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ก.ย.ลดลง
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ LeadingEconomic Index (LEI) ประจำเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.1% สู่ระดับ 111.9 หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. และเพิ่มขึ้น0.4% ในเดือนก.ค.
- ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับลง ถูกกดดันจากบางบริษัท และกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอ
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,770.20 จุด ลดลง 255.68 จุด หรือ -0.95%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,986.20จุด ลดลง 11.75 จุด หรือ -0.39% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,089.54 จุด ลดลง 67.31 จุด หรือ -0.83%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากข่าวเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐ อาทิ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และบริษัทโบอิ้ง รวมไปถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาจากจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้น แม้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม
- น้ำมัน: WTI ปรับลง กังวลเศรษฐกิจจีนชะลอ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 53.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 59.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ที่ซบเซา หลังจากที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงจากจีนทำให้นักลงทุนมีความวิตกครั้งใหม่ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง จะทำให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง และจะส่งผลกดดันราคาน้ำมัน
+ ทองคำ: ปรับลง หลัง Brexit มีสภานการณ์ดีขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.2 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่1,494.1 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทองทางเทคนิคหลังจากที่ราคาทองปรับตัวขึ้นในช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ และนักลงทุนยังขายทองซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) สามารถบรรลุข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ การเมืองไทย: ที่ประชุมสภาฯ ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ปี 63 วาระแรก
# ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระแรกด้วยคะแนนเสียง 251 งดออกเสียง 234 ไม่ลงคะแนน 1 จากผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 486 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 64 คน
# นายสุทิน คลังแสง ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวในช่วงการสรุปการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ว่า ในครั้งนี้ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เสนอแนะ และจะให้โอกาสผ่านไป ส่วนในวาระ 2-3 มาว่ากันอีกครั้ง แต่มีข้อแม้ว่าในวาระ 2 หวังว่าจะช่วยกันเท่าที่โอกาสจะอำนวย และในวาระ 3 จะยกมือให้ผ่านทุกคน บ้านเมืองเราก็เดินได้
-ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.62 ลดลงต่ำสุดในรอบ 12 เดือน
# สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.62 อยู่ที่ระดับ 92.1ลดลงจากเดือนส.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 92.8 โดยดัชนีฯ ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่ ต.ค.62 เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัว
-สอท.ปรับลดเป้าการผลิตรถยนต์ลง และประมาณการใหม่เป็น 2 ล้านคัน
# รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายน 2562 ได้ปรับตัวเลขประมาณการผลิตรถยนต์ใหม่เป็น 2 ล้านคัน โดยลดเป้าการผลิตเพื่อส่งออกเป็น 1 ล้านคันและลดเป้าผลิตเพื่อขายในประเทศเป็น 1 ล้านคัน
+สภาวิชาชีพบัญชีมีมติเห็นชอบออกมาตรการผ่อนผันการบังคับใช้ให้กับผู้ออก Perpetual Bond
# แหล่งข่าวจากสภาวิชาชีพบัญชี เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานบัญชี ได้มีการเจรจากับบริษัทจดทะเบียนไทยขนาดใหญ่ที่ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Bond) ให้รับทราบถึงข้อดี-ข้อเสียของการนำมาตรฐานบัญชีTAS 32 ฉบับใหม่มาใช้ในปี 63 จึงมีมติเห็นชอบออกมาตรการผ่อนผันการบังคับใช้เป็นระยะเวลา 3 ปี หรือ 3 รอบบัญชีให้กับบริษัทจดทะเบียนไทยที่ออก Perpetual Bond ไปแล้วเพื่อให้เวลาปรับตัว โดยจะเสนอให้คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กบว.) พิจารณาในเร็ว ๆ นี้ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ต.ค. 62)
# ผลกระทบ: หาก กบว.อนุมัติ ก็จะทำให้ผลกระทบเรื่องอัตราส่วน D/E สูงขึ้น ชะลอออกไปก่อน ความเสี่ยงที่บริษัทจัดอันดับเครดิตจะลดอันดับลงก็จะน้อยลง ดังนั้น 8 บริษัทที่ออกตราสารประเภทนี้ก็จะมีความยืดหยุ่นได้มากขึ้น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]