WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective and Earnings Play
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวขึ้นและปิดบวก 7.45 จุดใกล้เคียงระดับ 1,635 จุดตามที่เราคาด โดยตลาดได้แรงหนุนจากความคืบหน้าของประเด็น Brexit หุ้นที่นำตลาดยังคงเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มธนาคาร รวมถึงรายตัวอย่าง AOT เป็นต้น สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 540 ลบ. (แต่ Long Index Futures สูงถึง 1.4 หมื่นสัญญา)
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ออกด้านข้างในกรอบ 1,625-1,640 จุดหลังจากแกว่งตัวขึ้นในช่วง 3 วันทำการล่าสุด อย่างไรก็ตามยังคงมีหลากหลายปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งการลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังไม่แน่นอนหลังล่าสุดสภาล่างสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงฮ่องกง รวมถึงข้อตกลง Brexit ซึ่งใกล้เส้นตายสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ในประเทศต้องจับตาการอภิปรายงบประมาณปี 2563 และกลุ่มธนาคารทยอยประกาศกำไร 3Q19 ทำให้ตลาดคาดว่ายังเคลื่อนไหวจำกัด จึงยังเน้น Selective Buy เป็นรายตัวโดยเฉพาะที่คาดมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง
          กลยุทธ์ : Selective Buy โดยเฉพาะหุ้นที่คาดมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง
          หุ้นเด่นเดือน ต.ค. :  ADVANC, AOT, BCH, CPALL, ORI
หุ้นเด่นวันนี้: EPG
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ 8.5 บาท เตรียมปรับเป็นปีหน้าเบื้องต้น 10 บาท
          - ราคาหุ้นวานนี้ปรับขึ้นทะลุแนวต้าน 7.80 บาททำให้ภาพทางเทคนิคเป็นบวก ประกอบกับกำไรที่ฟื้นตัวทุกธุรกิจทำให้โมเมนตัมยังดีต่อ
          - ต้นทุนเม็ดพลาสติกทั้ง HDPE และ PP ที่มี supply ใหม่เข้ามาทำให้ราคาปรับลงเร็วราว 15-20% ใน 2H19 และมีโอกาสลดลงต่อตามราคาน้ำมันดิบที่ถูกกดดันจากศก.โลกชะลอ เป็นประโยชน์ต่อ EPG โดยตรง
          - กำไร 2Q20 (ก.ค.-ก.ย.) อาจสูงสุดในรอบ 4 ไตรมาส เราคาดเบื้องต้น 260-270 ลบ. +23% Q-Q และใกล้เคียง 2Q19 ทั้งปีมีโอกาสสูงกว่า 1 พันลบ.
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$188ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$150ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทยเป็นวันที่สอง US$18ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐจะตึงเครียดขึ้นหลังสหรัฐประกาศหนุนผู้ชุมนุมที่ฮ่องกง
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (0) จับตา Brexit แผน Brexit จะนำเข้าที่ประชุม EU Summit วันนี้เพื่ออนุมัติ และนำเข้าสู่สภาอังกฤษเสารนี้เพื่อให้อนุมัติและแยกตัวจาก EU 31 ต.ค. ถ้าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในวันนี้ ความเสี่ยงเกิด No-deal Brexit มีสูงมาก
          (+) รถไฟเชื่อม 3 สนามบินคาดเซ็นสัญญา 25 ต.ค. นี้ หลังจากชนะประมูลตั้งแต่ปลายปีก่อน หากเซ็นสัญญาแน่นอนจะเป็นบวกต่อ BEM (10%), CK (5%), ITD (5%) ที่อยู่ในกลุ่ม CPH เราแนะนำซื้อ CK ส่วน BEM ซื้ออ่อนตัว รอความคืบหน้าต่อสัมปทานทางด่วน
          (+) เตรียมคลอด "ชิมช้อปใช้ เฟส 2" ชิมช้อปใช้ 19 วันแรกมียอดใช้จ่ายรวม 8.28 พันลบ. โดย 82% เป็นการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดเล็กซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ของมาตรการ คลังเตรียม "ชิมช้อปใช้เฟส 2" ให้ครม.เห็นชอบ 22 ต.ค. แม้บริษัทจดทะเบียนจะไม่ได้ประโยชน์ในทันทีแต่เม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบจะเกิด multiplier effect 2.5-3.5 เท่า วงเงินมาตรการ 1 หมื่นลบ.คาดหนุน GDP 4Q19 ได้ 0.2%
          (+) DTAC กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย โดยมีกำไรปกติ 1.75 พันลบ. -2% Q-Q และโตก้าวกระโดดจาก 3Q18 ที่กำไรเพียง 1 ลบ. แม้ Net add จะติดลบแรงขึ้นเป็น 2.2 แสนราย แต่ ARPU ที่โตแรง ทำให้รายได้บริการยังโตได้ กำไรปกติ 9M19 +455% Y-Y และคิดเป็น 77% ของประมาณการทั้งปี เราจึงคงประมาณการ และราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 68 บาท แนะนำซื้อ
          (+) SAPPE เราคาดกำไร 3Q19 -21% Q-Q ชะลอตามฤดูกาลแต่โตสูง +66% Y-Y เป็น 111 ลบ. จากยอดขาย B'LUE เต็มไตรมาส และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นมาก เพราะประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้นและต้นทุนเม็ดพลาสติกถูกลง รวมถึงส่งออกไปตะวันออกกลางกลับมาฟื้น เราปรับกำไรทั้งปีขึ้น 11% เป็น 464 ลบ. +32% Y-Y และโตต่อ +7% Y-Y ปีหน้า ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 29 บาท แนะนำซื้อ
 
          (-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 22.82 จุด ปิดที่ 27,001.98 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน รวมถึงความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังสหรัฐสนับสนุนผลักดันกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง
          (-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความไม่แน่นอนของการทำข้อตกลงระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit)
          (0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางปัจจัยจากตลาดโลก ทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ, สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit
          (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ ปิดที่ 53.36 ดอลลาร์/บาร์เรล  จากคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ และติดตามการรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้
          (+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 10.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,494.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 918.19 / -1.46
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17-21 ต.ค.   - ไทย: กลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการ 3Q19
17 ต.ค.      - ไทย: ประชุมสภาสมัยวิสามัญ พิจารณางบรายจ่ายปี 2020
18 ต.ค.      - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ย.)
             - จีน: 3Q19 GDP
21 ต.ค.      - ไทย: ส่งออก-นำเข้า (ก.ย.)
24 ต.ค.      - เกาหลีใต้: 3Q19 GDP
             - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
             - ยูโรโซน: ECB ประชุม, Markit Manufacturing PMI (ต.ค.)
             - สหรัฐ: Markit Manufacturing PMI (ต.ค.)
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!