- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 October 2019 15:43
- Hits: 2366
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ลบจากยอดค้าปลีกสหรัฐ,จีน-สหรัฐขัดแย้งฮ่องกง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +7.45 จุด ปิดที่ 1634.46 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางเป็น 58.5 พันล้านบาท ดัชนีปรับขึ้นดีเหมือนภูมิภาคเนื่องจาก Brexit อาจบรรลุสัปดาห์นี้ ผลประกอบการสหรัฐออกมาดี แต่ IMF ปรับลด GDP โลก เป็นแรงสกัดอยู่บ้าง ซื้อสุทธิรายเดียวคือ สถาบัน ขายสุทธิเป็น โบรกเกอร์ ต่างชาติและรายย่อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 5.2 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ยอดค้าปลีกสหรัฐต่ำ จีน-สหรัฐขัดแย้งเรื่องฮ่องกง ยอดค้าปลีกที่ต่ำทำให้กังวลเศรษฐกิจสหรัฐ และการเจรจาการค้ากลับมามีอุปสรรคจากความขัดแย้งในฮ่องกง กลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นคือ ทองคำและพันธบัตร หุ้นโรงกลั่นเผชิญแรงขายจากอัตราค่าการกลั่นลงลึกเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลด เช่นเดียวกับดาวโจนส์-น้ำมันล่างหน้าอ่อนลง แต่ปัจจัยบวกคือ Brexit ดีขึ้น รัฐจะมีชิม ช็อป ใช้ เฟส 2 รัฐเร่งส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน และน้ำมันกลับมาปรับเพิ่มได้ วันนี้จะเริ่มอภิปรายงบประมาณ’63
# ระยะสั้นคาด SET- มีแนวโน้ม Sideway ในทางลง หลังยอดค้าปลีกสหรัฐต่ำ จีน-สหรัฐขัดแย่งเรื่องฮ่องกง แต่ราคาน้ำมันรีบาวด์ ช่วยหนุนหุ้นพลังงาน แต่กลุ่มโรงกลั่นยังไม่สดใส ด้าน TMB-T1 มูลค่าเข้าใกล้ศูนย์ หลังราคาตัวแม่ TMB ปรับลง ติดตามผ่านร่างงบประมาณปี 63 เริ่มวันนี้ขณะที่รัฐมีความเสี่ยงหากไม่ผ่าน หุ้นเด่นเป็นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว และพาณิชย์ จากมาตรการส่งเสริมจากรัฐ การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive ปันผลสูง และ Domestic Play หลังเศรษฐฺกิจชะลอ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1625-1650 จุด แนวต้านเป็น 1640-1650 จุด แนวรับอยู่ที่ 1625-1615 จุดการเข้าเก็งกำไรควรเข้าไว-ออกไว กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้1680 ปีหน้า 1725 จุด หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง- DIF,CRYSTAL,TPRIME,MTC,SAWADปันผลสูง- KKP,TISCO,LALIN,SC หุ้น DEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้น
ท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปี อากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH โรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF)- GFPT
# Stock Pick Today : ROJNA คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q62 สดใสเป็น 777 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 132% y-o-y และ 37% q-o-q แรงผลักดันสำคัญคือ กำไรจากเงินลงทุนใน GULF ที่สูงถึง 740 ล้านบาท เทียบ y-o-y และ q-o-q ที่ 308 และ 534 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งราคาหุ้น GULF ปรับตัวขึ้นก้าวกระโดดปิดท้ายไตรมาสที่ 160 บาท เพิ่มขึ้นถึง 30% จากไตรมาสก่อนหน้า ราคาพื้นฐานเป็น 6.68 บาท ประเมินด้วยวิธี SOP ทางพื้นฐานแนะนำถือ แต่ราคาหุ้นปรับลงมามีส่วนเพิ่มได้ 7% ผนวกคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้อีก 6.5%
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : DTAC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 63.50)
ERW (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.80)
Flash Note : CPN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 71.00)
DRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.10)
In The News : ชิม ชอป ใช้ เฟส 2 จะเข้าพิจารณาในครม. 22 ต.ค.นี้
ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ลดลง 0.3% ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ลดลง 0.3% ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่งสัญญาณว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เคยเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น กำลังชะลอตัวลง
-ฮ่องกง: สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง
# สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ด้วยการผ่านร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการปกครองตนเองในฮ่องกง นอกจากนี้ ร่างกฎหมายจะกำหนดให้มีการทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ โดยการทบทวนดังกล่าวจะพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนหรือไม่
-เจรจาการค้า: อาจมีอุปสรรคจากความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นฮ่องกง
# นักลงทุนวิตกกังวลว่า ความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นฮ่องกงนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งมีความเปราะบางอยู่แล้วในขณะนี้ หลังมีรายงานว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดของข้อตกลงการค้าขั้นแรกก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะลงนามร่วมกัน
+ Brexit: มีความหวังที่จะบรรลุข้อตกลงได้
# นักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาว่าด้วยการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยคณะผู้เจรจาจาก EUและอังกฤษได้เริ่มการเจรจาข้อตกลง Brexit รอบใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางความหวังที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เพื่อส่งให้ผู้นำ EU ลงนามรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดวันที่ 17-18 ต.ค.
- ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับลง จากตัวเลขยอดค้าปลีกน่าผิดหวัง และกังวลฮ่องกง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,001.98 จุด ลดลง 22.82 จุด หรือ -0.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,989.69 จุด ลดลง 5.99 จุด หรือ -0.20% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,124.18 จุด ลดลง 24.52 จุด หรือ -0.30%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นฮ่องกง ยังสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาด และยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา
+ น้ำมัน: WTI ปรับขึ้น รับข่าว โอเปก จะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 53.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.16% ปิดที่ 59.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
- ทองคำ: ปรับขึ้น เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.5 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่1,494.00 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นฮ่องกง รวมทั้งยอดค้าปลีกของสหรัฐที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำ
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ มาตรการ "ชิมช้อปใช้" เฟส 1 ประสบความสำเร็จดี เตรียมเปิดเฟส 2 ภายในเดือนนี้
# ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า มาตรการ "ชิมช้อปใช้" สำหรับการใช้จ่ายใน 19 วันแรก มีผู้ใช้สิทธิ์ 8,519,390 ราย ยอดการใช้จ่ายรวม 8,282 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดเล็กตามวัตถุประสงค์ของมาตรการฯ 82% หรือ 6,793 ล้านบาท และการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขา มีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงเริ่มต้นมาอยู่ที่ 18% หรือ 1,489 ล้านบาท พร้อมกันนี้ เตรียมเสนอมาตรการ "ชิมช้อปใช้ เฟส 2" เสนอให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบในวันที่ 22 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 23 ต.ค.
# ผลกระทบ: เป็นผลดีกับหลักทรัพย์กลุ่มพาณิชย์ และเดินทาง-ท่องเที่ยว หลักทรัพย์ที่แนะนำ ซื้อ คือ CPALL, BJC,AOT, ERW และ MINT
+ บอร์ดอีอีซีรับทราบแผนเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟความความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
# ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวัน (บอร์ดอีอีซี) รับทราบแผนเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟความความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ตามที่คณะอนุกรรมการบริหารที่มีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลังเป็นประธานเสนอ ซึ่งหากดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ คาดว่ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเฉพาะสถานีพญาไท-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา จะสามารถเปิดให้บริการได้เร็วที่สุดช่วงปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567 ส่วนสถานีพญาไท-ดอนเมือง ที่มีการรื้อย้ายปรับปรุงสาธารณูปโภคจำนวนมาก คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วง 2567-2568
# ผลกระทบ: เป็นผลดีกับหลักทรัพย์ที่ชนะการประมูลในกลุ่มซีพี (CPH) เช่น CK, BEM และ ITD แนะนำซื้อ ทั้ง CK และBEM เพราะมีโอกาสได้งานมากขึ้น ด้าน ITD ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ (Not Rated) และเป็นผลดีกับผู้ชนะประมูลบริหารสนามบินอู่ตะเภาคือ BBS ด้วย เพราะจะทำให้การเดินทางระหว่างสนามบินมีความสะดวก สบาย และประชาชนนิยมมาใช้บริการสนามบินมากขึ้น แนะนำ ซื้อ STEC, BTS และ BA
-หุ้นโรงกลั่นปรับตัวลงแรง หลังค่าขนส่งทางเรือพุ่งจากสหรัฐคว่ำบาตร COSCO
# อัตราค่าการกลั่น (GRM) ลดลงมากเหลือเพียงราว 1.25 USD/บาร์เรลล์ จากก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 5 USD/บาร์เรลล์เพราะสหรัฐคว่ำบาตร COSCO ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งโลจิสติกส์รายใหญ่ของจีน ซึ่งไปพัวพันกับการขนส่งน้ำมันจากอิหร่านอีกทั้งค่าการกลั่นน้ำมันเตาติดลบค่อนข้างมาก จากการจะบังคับใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ (IMO 2020) เริ่มปีหน้า อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาดว่าเมื่อเข้าสู่ ไตรมาส 4 ที่เป็น High Season การขนส่งก็จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายดีขึ้น
# ผลกระทบ: คาดว่าระยะสั้น ตลาดฯจะตอบรับหุ้นโรงกลั่นในทางลบไปสักระยะ จนกว่าค่าการกลั่นจะกลับมาปกติ จึงยังไม่ควรรีบกลับไปช้อนซื้อ แต่หลักทรัพย์มีพื้นฐานแข็งแกร่งในกลุ่มนี้ แนะนำ ทยอยสะสมได้คือ TOP
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]