- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 October 2019 16:21
- Hits: 2605
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate at 1,600+-//Stay in Defensive and Defensive Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,600-1,620 จุดตามคาดโดยปิดลบ 8.68 จุดวานนี้หลังจากที่บวก 4.01 จุดในวันก่อนหน้า หุ้นที่ถ่วงตลาดเป็นกลุ่ม Global Play เช่น SCC PTT เป็นต้น ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้ายังปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง แรงขายหลักมาจากสถาบันในประเทศซึ่งขายสุทธิสูงถึง 4.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิหนาแน่น 3.2 พันลบ. (แต่ยังคง Short Index Futures ต่อเนื่องอีก 1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,620 จุดต่อเนื่องโดยคาดวันนี้จะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากทรัมป์กล่าวว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในวันแรกเป็นไปด้วยดีและจะพบกับรองนายกฯจีนในวันนี้เพื่อหารือต่อ ส่งผลให้ตลาดมีความคาดหวังเชิงบวกมากขึ้นว่าจะมีความคืบหน้าในการบรรลุข้อตกลงหรือเลื่อนการเก็บภาษีออกไป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นหลัง OPEC พร้อมที่จะปรับสมดุลให้น้ำมัน ทำให้หุ้น Global Play มีโอกาสฟื้นตัวในวันนี้ อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าผลลัพธ์ของการเจรจาการค้ายังคงมีความไม่แน่นอน จึงเน้น Selective Buy โดยยังเลือกยังมองแนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุดบวกลบเป็นจุดในการสะสมหุ้นพื้นฐานโดยเฉพาะหุ้น Defensive และ Dividend Play
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,600 จุด//พักเงินใน Defensive และ Dividend Play
หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : ADVANC, AOT, BCH, CPALL, ORI
หุ้นเด่นวันนี้: PRM
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 10 บาท
- แนวโน้มกำไร 2H19 สดใสเพราะเป็น high season ได้ประโยชน์จาก IMO และเพิ่มกองเรืออีก 6 ลำ โดยใน 3Q19 รับเรือใหม่ 3 ลำและมีสัญญาแล้วจึงรับรู้รายได้ทันที และซื้อหุ้น Big Sea เพิ่มอีก 10% เป็น 80% ตั้งแต่ ส.ค.
- เราคาดกำไร 3Q19 มีโอกาสทำ new high ในรอบ 2 ปีที่ 300-320 ลบ. +11% Q-Q, +45% Y-Y และคงประมาณการทั้งปี 1 พันลบ. +48% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE ปีนี้ 20 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 23 เท่า และ PEG ปีนี้ 0.4 เท่า
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$29ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$189ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$106ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคจากความหวังการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐว่าจะมีความคืบหน้าด้วยดี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ธปท.เตรียมออกมาตรการดูแลค่าเงินบาท เงินบาทปีนี้แข็งค่า 6% สวนทางภูมิภาคที่อ่อนค่าเฉลี่ย 2% เราเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นทางเลือกท้ายๆ และคาดว่าบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อ เป็นลบต่อหุ้นส่งออกและท่องเที่ยว
(+) วันนี้ TISCO ประกาศงบ น่าจะเป็น 1 ใน 2 แบงก์ที่กำไรโตได้ทั้ง Q-Q, Y-Y เราคาด 1.86 พันลบ. +3.5% Q-Q, +2.6% Y-Y จากสำรองที่ลดลง TISCO โดดเด่นเรื่องเงินปันผล เราคาดจ่าย 7 บ/หุ้น Yield 7% (จ่ายปีละครั้ง) และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 116 บาท
(+) TKN ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ORION บุกตลาดจีนปีหน้าเป็นต้นไป สัญญา 5 ปี ต่ออายุได้ โดยตั้งเป้ารายได้ส่งออกไปจีนโตปีละ 30% ในปี 2020-22 ซึ่งจะทำให้รง.ผลิตเต็มกำลัง ได้ economy of scale ถ้าอิงตามเป้าบริษัทซึ่ง aggressive จะทำให้กำไรปี 2020-22 โตเฉลี่ย 25% ราคาเป้าหมายปีหน้าจะเป็น 13 บาท แนะซื้อเก็งกำไรบนความหวังว่าจะประสบความสำเร็จ แต่ระยะสั้นกำไร 2H19 ยังไม่ดี
(+) OSP กำไร 3Q19 โตแต่ไม่ตื่นเต้น เราคาด 835 ลบ. +3% Q-Q, +8% Y-Y แม้ C-Vitt ขยายคอขวดทำให้กำลังผลิตเพิ่ม 25% แต่สายการผลิตอื่นยังมีปัญหา รายได้จึงโตไม่เต็มที่และมีค่าการตลาดสูง เราปรับกำไรปีนี้ลง 5% เป็น 3.4 พันลบ. +13% Y-Y คาดปีหน้า +16% Y-Y ปรับไปใช้เป้าปีหน้าที่ 40 บาท แนะนำซื้อ
(-) JKN เราปรับกำไรปี 2019-20 ลง 4-6% เหลือโต 11-12% (เดิมคาดโตเฉลี่ย 14%) โดยคาด JKN-CNBC ขาดทุนราว 20 ลบ./ปี (เดิมคาดเท่าทุน) บริษัทกำลังหาช่องใหม่แต่ต้องใช้เวลาสร้างเรทติ้ง ธุรกิจขายลิขสิทธิ์ยังโตได้แต่ต้องหวังรายได้จากต่างประเทศมากขึ้นเพราะในประเทศชะลอ เราคาดกำไร 3Q19 ที่ 45-50 ลบ. -32% Q-Q เพราะขาดทุนจาก JKN-CNBC และมีค่าจัดงาน Mega Showcase ปรับไปใช้เป้าปีหน้าที่ 7.50 บาท ลดคำแนะนำเป็นถือ จากซื้อ
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 150.66 จุด ปิดที่ 26,496.67 จุด จากความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีนในวันนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากสัญญาณบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงแถลงการณ์ของผู้นำอังกฤษและไอร์แลนด์ ซึ่งมีแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ท่ามกลางความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ ปิดที่ 53.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า โอเปกจะพิจารณาทุกทางเลือกในการประชุมเดือนธ.ค. เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 11.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,500.9 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หลังมีความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 921.70 / -2.06
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10-11 ต.ค. - สหรัฐ-จีน: การเจรจาการค้าระดับจนท.ระดับสูง
11 ต.ค. - ไทย: TISCO รายงานผลประกอบการ 3Q19
14 ต.ค. - จีน: ส่งออก-นำเข้า (ก.ย.)
- สิงคโปร์: 3Q19 GDP
15 ต.ค. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ต.ค.)
16 ต.ค. - ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ก.ย.)
- สหรัฐ: Fed Beige Book
17-21 ต.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการ 3Q19
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research