- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 October 2019 16:12
- Hits: 1835
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มอง SET Index แกว่ง sideway ในกรอบ 1,600 -1,620 จุด โดยแม้ตลาดหุ้นโลกมี Sentiment บวก ต่อท่าทีการเริ่มเจรจา เพื่อหาข้อยุติทั้งกรณีของ Trade War และ Brexit ที่ดูผ่อนคลายขึ้น แต่ยังต้องติดตามผลการเจรจาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนสัปดาห์ถึงข้อตกลงร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่าย เนื่องจากถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่สร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง
• Market Factor
• (+) ตลาดได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่น นำโดยรองนายกฯ จีนและ รมว.คลังของสหรัฐฯ และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ อีกทั้งในวันนี้ทรัมป์จะเดินทางมาเจรจาด้วยตัวเองที่ทำเนียบขาว แม้จะมีข่าวออกมาในทางบวก เรายังคงแนะนำนักลงทุนคอยติดตามและระมัดระวังการลงทุนในช่วงหยุดยาว 3 วันนี้
• (0) เลขาธิการ OPEC ออกมากล่าวว่า OPEC จะพิจารณาทุกทางเลือกเพื่อสร้างสมดุลและสร้างเสถียรภาพตลาดน้ำมันในปีหน้าเพื่อกำหนดนโยบายผลิตน้ำมันปี 63 แต่มีรายงานจาก opec ในการปรับลดอุปสงค์น้ำมันในปี 62 ลง 40,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 0.98 ล้านบาร์เรล/วัน
• (-) ม.หอการค้าฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ย. อยู่ที่ 72.2 (จาก 73.6 ในเดือน ส.ค) ลดลงต่อเนื่อง และต่ำสุดในรอบ 3 ปี (อินโฟเควสท์)
• (-) Worldbank ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 62 เหลือโต 2.7% จากเดิมคาด 3.5% ผลมาจากการส่งออกที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมปรับลดประมาณการ ปี 63 คาดโตเหลือ 2.9% (เดลินิวส์)
• Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 98.84 บาท หรือลดลง 14.15%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,210.44 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD. ต่างชาติขายสุทธิลดเหลือ 4,227.15 ลบ.
Investment Strategy
• วันนี้ถึงสัปดาห์หน้า เรามองดัชนีมีโอกาสผันผวนในกรอบ 1,590-1,630 จุด เพื่อติดตามประเด็นการเจรจา Trade war สหรัฐฯ-จีน ที่จะมีในวันที่ 10-11 ต.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม บวกกับเป็นช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ดังนั้นแนะนำชะลอการลงทุนและติดตามประเด็นดังกล่าวและ Selective Buy หุ้นที่มีประเด็นบวกและคาดผลการดำเนินงานดีใน 4 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock:เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น เข้าสู่ High Season: เราเลือก BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ และ YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่มชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโต YoY หนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจาก รพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
10-Oct-19 Change (pts.) 9-Oct-19
SET Index 1,607.50 -8.68 1,616.18
SET50 Index 1,067.54 -9.02 1,076.56
SET100 Index 2,353.98 -16.92 2,370.90
High 1,615.25 Gainers 577
Low 1,606.71 Unchanged 533
Value (Bt m) 51,063.70 Losers 784
Volume (*000) 18,140,855
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.3 14.6 14.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -1.3
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.8
ROE 10.4 10.8 10.8
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 10-Oct-19 WTD MTD YTD
Institution (4,227.15) (2,216.57) (8,948.60) 15,306.45
Proprietary (1,525.80) (232.96) 676.18 14,172.36
Foreign 3,210.44 1,404.71 (4,063.41) (9,292.26)
Individual 2,542.51 1,044.82 12,335.83 (20,186.56)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary