- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 October 2019 16:26
- Hits: 2081
Morning Bell : บล.เคทีบี(ประเทศไทย)
SET Outlook & Strategy
SET Outlook
คาดดัชนีฯแกว่งกรอบแคบ ข่าวในเรื่องการเจรจาการค้าออกมาแบบสลับบวกสลับลบจึงเกิดความผันผวนขึ้นในตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน โยกเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย การซื้อขายวันนี้น่าจะไปกระจุกตัวที่ AWC ....... การเจรจาการรอบแรกวานนี้ สื่อรายงานว่าไม่มีความคืบหน้าแม้จีนจะมีการเสนอซื้อสินค้าเพิ่ม ทำให้ตลาดไปจับตาดูการประชุมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวันศุกร์ (11) ผลเจรจาอาจเป็นได้ทั้งบวกและลบ เป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เราแนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนที่จะทราบผลการเจรจา ทั้งนี้ นอกจากตลาดหุ้นแล้ว ราคาและหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน-ปิโตรเคมี-ทองคำ) จะอิงกับผลเจรจาการค้าด้วยเช่นกัน ....... ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น (เช้านี้ 30.26 บาท/ดอลล่าร์) จะทำให้ ธปท.อาจหาวิธีชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งจะทำให้แรงซื้อหุ้น-พันธบัตรของนักลงทุนต่างประเทศ ลดลงในระยะนี้ วันนี้ หุ้น AWC จะเข้ามาทำการซื้อขาย (ราคาจอง @6.00 บาท) นอกจากปริมาณการซื้อขายของตลาดวันนี้จะไปกระจุกที่หุ้นตัวนี้แล้ว มีโอกาสสูงที่ AWC จะถูกนำเข้าคำนวณ SET50/SET100 (ถ้าเป็นเช่นนั้น หุ้น AWC จะเข้าไปแทนที่ KKP หรือ BPP ใน SET50 และทำให้ BEAUTY ออกจากการคำนวณ SET100) ....... ประเด็นอื่นๆ จะเป็นรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยในวันนี้ และ World bank จะออกรายงาน update ภาวะเศรษฐกิจของประเทศในแถบเอเซีย ท้ายสุดคือ ดร.สมคิด เข้าเยี่ยมชมกิจการของ PTT
Strategy
เรายังแนะนำชะลอการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงอันอาจจะเกิดขึ้นจากผลเจรจาการที่ เริ่มมีความโน้มเอียงว่าจะไม่มีความคืบหน้า จึงยังแนะนำถือเงินสด 50% (ไม่เปลี่ยนแปลง) หรือเลือกเข้าเก็งกำไรช่วงสั้นๆ กับหุ้นที่มีประเด็นบวก หรือหุ้นเสี่ยงต่ำ อย่าง (ไฟฟ้า-โทรศัพท์-REIT) ……. หุ้นในพอร์ตของเราวันนี้ จะประกอบด้วย AOT, ADVANC และเพิ่ม LH เข้ามาในวันนี้
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
News Comment
( + ) NER (ซื้อ / 3.40 บาท) เดินหน้าก๊าซชีวภาพลดต้นทุนพลังงาน
( - ) Healthcare (Overweight) Deadline ให้ รพ.เอกชน ขึ้นเว็บโชว์ค่ารักษาใน ธ.ค.
Company Report
( + ) PTTEP (ซื้อ / 155.00 บาท) มาเลเซียกับการเดินทางบทใหม่
( + ) CKP (ปรับขึ้นเป็น ซื้อ / 6.50 บาท) ฟ้าหลังฝน
Economic Outlook
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯรีบาวน์หวังเจรจาการค้ามีโอกาสคืบหน้า ทางการจีนพร้อมทำข้อตกลงบางส่วนกับสหรัฐฯ แลกเปลี่ยนกับการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯอาทิถั่วเหลือง 30 ล้านตันต่อปี อย่างไรก็ดีทางสหรัฐฯยังคงต้องการทำข้อตกลงฉบับเต็มเนื่องจากต้องแก้ไขประเด็นทางด้านการถ่ายโอนเทคโนโลยีและการแก้ไขประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา
• รายงานการประชุม FOMC ในเดือนกันยายน หลังทางรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงขาลงมากขึ้นจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
What to Watch
ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ คาดว่ารายงานใกล้เคียงกับก่อนหน้า โดยหากรายงานมี positive surprise จะทำให้โอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุม FOMC เดือนนี้ลดลง
Date Major Events Expected Prior
10-Oct-19 DE Balance of Trade €14.1B €21.4B
GB Balance of Trade £-3.8B £-0.22B
US Inflation Rate YoY 1.80% 1.70%
SET Review
SET Recap
SET ปิดที่ระดับ 1,616.18 จุด เพิ่มขึ้น 4.01 จุด (+0.25%) มูลค่าการซื้อขาย 42,242.42 ล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศ เป็นการติดตามผลการเจรจาการค้า ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ เป็นเรื่องของความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเข้ามาซื้อขายหุ้น IPO
Most Active Top Gainers Top Losers
1. BANPU 1. MAX 1. NEW
2. GPSC 2. PACE 2. PE
3. SCC 3. NOBLE 3. NFC
News Comment
( + ) NER (ซื้อ / 3.40 บาท) เดินหน้าก๊าซชีวภาพลดต้นทุนพลังงาน
NER มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการผลิตก๊าซชีวภาพ ประกอบไปด้วยโครงการย่อย 2 โครงการ โครงการละ 2 เมกกะวัตต์ โครงการแรกที่จะคอมมิชชันนิ่งในอีก 5 เดือนข้างหน้า มีมูลค่าการลงทุนทางบัญชีอยู่ที่ประมาณ 163 ล้านบาท จากการศึกษาเพิ่มเติม มีการปรับปรุงกระบวนการผลิต ปรับปรุงสัดส่วนการเติมวัตถุดิบ และปรับการบริหารจัดการขั้นตอนกระบวนการผลิตบางส่วนพบว่า จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ปริมาณการผลิตก๊าซชีวภาพ 17,000 ลบ.ม.ต่อวัน ระยะเวลาคืนทุนที่ 8.7 ปี (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา)
KTBST: เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจากข่าวดังกล่าว โดยการดำเนินงานก่อสร้างโครงการก๊าซชีวภาพสามารถเป็นไปได้ตามแผน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนพลังงานได้ ประเมินเทียบกับต้นทุนพลังงานปัจจุบันที่ซื้อที่ราคา 22 บาทต่อหน่วย สามารถลดต้นทุนส่วนของพลังงานลงได้ประมาณ 5-7 บาทต่อหน่วย ส่งผลต่อเนื่องให้สามารถลดต้นทุนขายได้ประมาณ 1-2% ทั้งนี้เราประมาณการกำไรปกติ 3Q19E ที่ 141 ล้านบาท (+34% YoY, +10% QoQ) โดยบริษัทได้รับผลดีจากการที่มีสต็อกต้นทุนยางที่ต่ำกว่าตลาด เพราะ NER มีการจัดหาวัตถุดิบต้นทุนต่ำไว้ล่วงหน้าและสามารถขายสินค้าล่วงหน้าจนถึง 4Q19E โดยปัจจุบันมียอดขายรวม 255,000 ตัน จากเป้าหมายในปีนี้ที่ 260,000 ตัน เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ NER มีลูกค้าใหม่ที่เริ่มซื้อขายเพิ่มเข้ามาอีกหลายราย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น 3Q19E จะอยู่ที่ประมาณ 9% เพิ่มขึ้นจาก 2Q19 ที่ 8.4% เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” NER และราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท อิง PER ที่ 9.50x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มยางที่ 11x (9-yr. average PER)
( - ) Healthcare (Overweight) Deadline ให้ รพ.เอกชน ขึ้นเว็บโชว์ค่ารักษาใน ธ.ค.
เตรียมประกาศค่ารักษา-บริการทางการแพทย์ รพ.เอกชน ขึ้นเว็บไซต์กรมการค้าภายในเพื่อให้ผู้ป่วยได้เปรียบเทียบราคา หลังประกาศราคายาไปก่อนหน้านี้ คาดเรียบร้อยภายใน ธ.ค. แจงทำข้อมูลได้ยากกว่าราคายา เหตุรายละเอียดมากกว่า 5,000 รายการ พร้อมส่งหนังสือเรียก รพ.เอกชน 43 แห่ง จ่าย ค่าปรับรายวันวันละ 2,000 บาท หลังส่งข้อมูลค่ายา-ค่ารักษาล่าช้า ส่วนแบ่งกลุ่ม รพ.เอกชน 3 ระดับ มั่นใจเรียบร้อยภายในเดือน ต.ค.นี้แน่ (ที่มา: เดลินิวส์)
KTBST: เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อย โดยมองว่าการที่กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมเรื่องการประกาศค่ารักษา-บริการ จะทำให้โอกาสการปรับราคายากขึ้น ซึ่งจะส่ง sentiment เชิงลบกับหุ้นกลุ่ม รพ. เอกชน ที่มีค่ายาและค่าบริการแพง อย่าง BDMS (ซื้อ / 28.00 บาท), BH (ขาย / 150.00 บาท) นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งกลุ่มโรงพยาบาลออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มโรงพยาบาลที่คิดค่ายาและค่าบริการราคาแพง 2.กลุ่มที่คิดราคายาและค่ารักษาระดับกลาง และ 3.กลุ่มโรงพยาบาลคิดราคายาและค่าบริการแบบอนุเคราะห์ผู้ป่วย จะทำให้ผู้เข้ารักษามีโอกาสในการตัดสินใจมากขึ้น ซึ่งหากรักษาโรคทั่วไป อาจจะเลือกรักษา รพ.เอกชน ที่คิดราคาและค่ารักษาระดับกลางแทนที่จะรักษาในกลุ่มโรงพยาบาลที่คิดค่ายาและค่าบริการราคาแพง อย่างไรก็ตาม เราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงพยาบาล “มากกว่าตลาด” ชอบ BCH (ซื้อ / 19.10 บาท) และ EKH (ซื้อ / 9.00 บาท) เรามองว่าราคาหุ้นกลุ่ม รพ. น่าสนใจ โดยปัจจุบันลงมาซื้อขายที่ต่ำกว่าระดับ -2SD (5-yr average PER) เนื่องจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ BH และ BDMS ราคาปรับตัวลงมากในช่วงที่ผ่านมาจากผลประกอบใน 2Q19 ที่น่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มใน 3Q19E จะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก1) เป็นช่วง high season ที่คนป่วยเยอะสุดของปีเพราะฝนตกชุก, 2) มีโรคไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออกระบาดรุนแรง และ 3) ปีนี้เป็นปีแรกที่สำนักงานประกันสังคม (SSO) เปลี่ยนรูปแบบใหม่ในการจ่ายเงิน ซึ่งสัดส่วนจะเข้ามาเยอะในช่วง 3Q19E
Company Report
( + ) PTTEP (ซื้อ / 155.00 บาท) มาเลเซียกับการเดินทางบทใหม่
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 155.00 บาท อิง DCF (WACC 9%, TG 0%) เราได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม MLNG Terminal ประเทศมาเลเซีย และได้รับฟังผู้บริหารของกลุ่ม PTTEP กล่าวถึงศักยภาพแหล่งก๊าซในประเทศมาเลเซียที่ PTTEP ได้มีการเข้าไปลงทุนโดยกลุ่ม Assets ในประเทศมาเลเซียที่บริษัทจะเร่งสำรวจและพัฒนา โดยมีแหล่งที่สำคัญคือ Block SK410B เป็นแหล่งที่ค้นพบแหล่งภูเขาหินปูนขนาดใหญ่กว่า 2 เท่าของ Twin towers ของมาเลเซีย และคาดว่าจะมีปริมาณก๊าซประมาณ 352 MMBOE (เทียบแล้วคิดเป็นประมาณ 50% ของ reserve PTTEP) นับว่าเป็นการค้นพบแหล่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก คาดว่าจะสามารถ first gas ได้ในปี 2025E หลังจากที่เราได้ไป site visit และได้พูดคุยกับผู้บริหาร PTTEP ทำให้เรามีความมั่นในกลยุทธ์ Coming Home Strategy มากขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าแหล่งของมาเลเซียจะช่วยให้ PTTEP มีการเติบโตในอนาคตในซึ่งน่าจะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีก 5 ปีข้างหน้า เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรปี 2019E อยู่ที่ 44,382 ล้านบาท และคาดกำไร 3Q19E จะอยู่ประมาณ 10,000-11,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทั้งนี้ ราคาหุ้น 3 เดือนที่ผ่านมาปรับลง -11% เป็นไปตามราคาน้ำมัน ด้วยผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่เราเชื่อว่าระดับราคาน้ำมันที่ 58-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลมี downside ที่จำกัดแล้วเช่นกัน
( + ) CKP (ปรับขึ้นเป็น ซื้อ / 6.50 บาท) ฟ้าหลังฝน
เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”) แต่คงราคาเป้าหมายที่ 6.50 บาท อิงวิธี DCF (WACC 5.7%, no terminal growth) ปรับคำแนะนำขึ้นหลังประเมินราคาตอบรับปัจจัยลบไปแล้วและควรหันมาให้น้ำหนักกับประเด็นบวกที่รออยู่ทั้งนี้เราประเมินกำไรปกติ 3Q19E ที่ 53 ล้านบาท (-87% YoY, -49% QoQ) จากภัยแล้งซึ่งทำให้โครงการหลัก NN2 แจ้งผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง -74% YoY, -47% QoQ และส่งผลให้คาดมี downside จากประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2019E ราว 55% หลัง 3Q19E ซึ่งควรเป็น high season กลับเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดของปี อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่ปรับตัวลงกว่า 20% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเรามองสะท้อนประเด็นลบผลประกอบการถูกกระทบจากภาวะภัยแล้งไปแล้ว และเป็นโอกาสให้เข้าซื้อหุ้นโดยประเมินตลาดควรหันมาให้น้ำหนักกับประเด็นบวกที่เกิดขึ้น ล่าสุด กฟผ. อนุมัติการ COD ของโครงการไซยะบุรี ช่วยปลดล็อคความกังวลของตลาดเรื่อง COD ล่าช้าหากน้ำไม่พอทดสอบระบบ ซึ่งการอนุมัติครั้งนี้จะทำให้โครงการสามารถ COD ได้ตามกรอบเวลาเดิม 4Q19E และหนุนผลประกอบการปี 2020E เติบโตโดดเด่นหลัง CKP จะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีกกว่า 111% YoY
News Summary
Market
• ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนพร้อมที่จะทำข้อตกลงการค้าบางส่วนกับสหรัฐ และจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า การเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนนี้ หลังจากรายงานการประชุมในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,346.01 จุด เพิ่มขึ้น 181.97 จุด หรือ +0.70% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,919.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.34 จุด หรือ +0.91% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,903.74 จุด เพิ่มขึ้น 79.96 จุด หรือ +1.02%
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนก่อนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ 2 ประเทศจะเริ่มเจรจากันในวันพฤหัสบดีนี้ หลังสื่อต่างประเทศรายงานว่า จีนพร้อมที่จะหารือเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าบางส่วนกับสหรัฐ
• ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.42% ปิดที่ 380.30 จุด
• ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,499.14 จุด เพิ่มขึ้น 42.52 จุด หรือ +0.78%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,094.26 จุด เพิ่มขึ้น 124.06 จุด หรือ +1.04% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,166.50 จุด เพิ่มขึ้น 23.35 จุด หรือ +0.33%
• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวกองทัพตุรกีเปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังชาวเคิร์ดในซีเรีย
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 52.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 58.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
• สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.9 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 1,512.8 ดอลลาร์/ออนซ์
Economic & Company
• ธปท.หามาตรการแก้หนี้ 'รายย่อย' สั่ง "แบงก์" ดูแลใกล้ชิด แม้ยังไม่เป็นเอ็นพีแอล
"ธปท." เล็งหามาตรการช่วยแก้หนี้รายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ หลังพบลูกหนี้แห่ขอเข้าคลินิกแก้หนี้ ทั้งที่ไม่ใช่เอ็นพีแอล สั่งแบงก์ ดูแลคุณภาพลูกหนี้บุคคล-รายย่อยเพิ่ม พร้อมขอความร่วมมือช่วยปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ธุรกิจ
• GRAND-BTS ผ่านซอง 2 เมืองการบิน
กลุ่ม GRAND-AAV-CNT และ กลุ่ม BTS-BA-STEC ลอยลำผ่านข้อเสนอเทคนิคโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก 2.9 แสนล้านบาท กรรมการคัดเลือกเตรียมเปิดข้อเสนอการเงินต่อ มั่นใจสรุปผลแพ้-ชนะ พ.ย.นี้ และเซ็นสัญญา ม.ค. 63
• การท่องเที่ยวของจีนชะลอตัวลง'โกลเด้น วีค'ปีนี้โตเพียง 7%
การท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนในช่วงวันหยุด "โกลเด้น วีค" ปีนี้ โตเพิ่มขึ้นเพียง 7% โดยมีนักท่องเที่ยวชาวจีน 782 ล้านคน จาก 726 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศลดลงมากกว่าปีที่แล้ว 10% โดยคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 7 ล้านคน
• HUMAN เร่งปิดดีลใหญ่อัพฐาน ไทเกอร์เพิ่มมูลค่า-รายได้โต 15%
HUMAN เร่งเครื่องเจรจาลูกค้ายักษ์ใหญ่ 4-5 ราย คาดสรุปชัด 1-2 รายทันปลายปีนี้เสริมฐานแกร่ง พร้อมบุ๊กรายได้ไทเกอร์ดันผลงานเข้าเป้าโต 15% ชี้ข้อดีซื้อ Tiger Soft สร้างรายได้-ต้นทุนลด-ฐานลูกค้าครอบคลุม อัพมูลค่าหุ้น 0.50 บาท
• JMT ส่งซิกปีนี้เด่นลุ้นผลงานทำนิวไฮลุยซื้อหนี้เข้าพอร์ต
JMT ลุยซื้อหนี้แบงก์เพิ่มต่อเนื่อง จากครึ่งปีแรก มีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ 148,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาหลายราย มองทิศทางไตรมาส 4/2562 ธุรกิจเติบโตต่อ ระบุได้ตัดต้นทุนของกองหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ครบ ดันภาพรวมปีนี้นิวไฮ
• SPA ชี้เข้าไฮซีซั่นดัน Q4 พีกสุด ย้ำรายได้ปีนี้ตามนัด 1.4 พันล้าน โต 20%
"SPA" คาดผลงานไตรมาส 3/62 สวย รับแรงหนุนขยายสาขาใหม่-ลูกค้าเพิ่มขึ้น พร้อมส่งซิกผลงานไตรมาส 4/62 พีกสุด เหตุเข้าไฮซีซั่น-นักท่องเที่ยวจีนฟื้น-ร่วมชิมช้อปใช้ นอกจากนี้ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 20% แตะ 1,400 ล้านบาท
• SPALI ผนึกพันธมิตรลุยฟิลิปปินส์ เล็งร่วมทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
"ศุภาลัย" ลุยศึกษาลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมในฟิลิปปินส์ร่วมกับพันธมิตร พร้อมเพิ่มเงินลงทุนโครงการอสังหาฯ ใหม่ในออสเตรเลีย เชื่อได้รับผลตอบแทนสูง ส่วนตลาดอสังหาฯ ไทยในปีนี้คาดการณ์ยอดขายอยู่ที่ 100,000 ยูนิต
• TASCO รับมาร์จิ้นกระฉูดวางแผนเพิ่มผลิตเท่าตัว
TASCO รับอานิสงส์สามเด้ง ราคาเฉลี่ยยางมะตอยทรงตัวระดับสูง IMO กดต้นทุนต่ำ แถมยอดขายสินค้าพรีเมียมในประเทศฮอต ดันมาร์จิ้นพุ่งแรง ผู้บริหารเล็งปัดฝุ่นแผนเพิ่มกำลังการผลิตในมาเลเซียเท่าตัว รองรับความต้องการในอนาคต คาดกำไรสุทธิโต 398% จากฐานต่ำปีก่อน
Analyst: Mongkol Puangpetra (Reg. no. 1937) Songklod Wongchai (Reg. no. 18086) & Fundamental Research Team
Research Team
บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02 648 1111