- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 07 October 2019 16:11
- Hits: 1210
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
Market Summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งแคบ โดยสำหรับภาพรายอุตสาหกรรมพบว่ายังคงมีแรงขายมากในกลุ่มธนาคาร (SCB, KBANK, BBL) รวมถึงหุ้น Big cap อื่นๆ เช่น PTTEP, CPALL, TU ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,605.96 (-4.7 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 3.7 หมื่น ลบ. (เทียบกับวันก่อนหน้า 3.8 หมื่น ลบ.)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 1,734 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 403 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 13,072 สัญญา
Stock Picks & Trading Idea
RATCH (ราคาเป้าหมาย 73 บ/หุ้น) แนวโน้มกำลังการผลิตยังขยายต่อเนื่อง ผ่านการซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา RATCH ยังมี upside จากกำลังการผลิตใหม่ ที่วางเป้าไว้สูงถึง 40% จากปัจจุบันเป็น 10,000 MW นอกจากนั้นยังมีเริ่มกระจายธุรกิจไปสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ระบบขนส่งต่างๆ ช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต
Investment Theme
แกว่งผันผวนก่อนการเจรจาสงครามการค้าช่วงปลายสัปดาห์: สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.36 แสนตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ 1.45 แสนตำแหน่ง ส่วนทางด้านอัตราการว่างงานพบว่าปรับตัวลงสู่ระดับ 3.5% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 50 ปี โดยรวมถือว่าภาคแรงงานสหรัฐฯยังคงขยายตัวได้แต่น้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เติบโตช้า ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มโอกาสต่อการดำเนินนโยบายผ่อนคลายของธนาคารกลางอย่างต่อเนื่อง โดยระยะสั้นตลาดคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ลงอีก 0.25% ในปลายเดือนนี้ อาจเป็นปัจจัยที่มาช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้เล็กๆในช่วงครึ่งหลังของเดือน ตค. ส่วนภาพรวมตลาดในสัปดาห์นี้คาดตลาดยังคงแกว่งผันผวน ก่อนการเจรจาปัญหาสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ตค.นี้ ถือเป็นประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะมีความคืบหน้าอะไรหรือไม่ ก่อนจะถึงกำหนด ที่สหรัฐฯเคยขู่ต่อจีนไว้ว่าจะปรับเพิ่มอัตราภาษีของสินค้านำเข้าจากจีนที่เข้าสู่สหรัฐวงเงินกว่า 2.5 แสนล้านเหรียญ ขึ้นสู่อัตราภาษี 30% จากเดิมที่ 25% นอกจากนี้ประเด็นการ Preview ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมก่อนงบออก รวมถึงการทยอยรายงานผลประกอบการกลุ่มแรก คือกลุ่มธนาคารพาณชย์ เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
Investment Strategy : ภาพสัปดาห์นี้ประเมินการแกว่งในกรอบ 1580-1630 จุด โดยสำหรับวันนี้ประเมินกรอบแนวรับ SET ที่ 1590 และแนวต้าน 1620 จุด แนะเก็งกำไรหุ้น Defensive play "RATCH" และหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกทั้งทางตรงและอ้อม จากมาตรการชิมช้อปใช้ ที่ได้รับผลตอบรับดี เช่น HMPRO, BJC, MTC, JMT
Big Issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา :
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 1.36 แสนตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าคาดที่ 1.45 แสนตำแหน่ง
- อัตราการว่างงานสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 3.5% จาก 3.7% ต่ำสุดในรอบ 50 ปี
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ :
China Econ: 8 ตค. Caixin PMI ภาคบริการ เดือน กย. คาด 52 จุด
US Econ: 9 ตค. รายงานผลประชุม FOMC ครั้งก่อน /10 ตค. ดัชนี CPIกย.คาด+1.9%YoY/11 ตค.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค คาด92 จุด
10-11 ตค. เจรจาปัญหาสงครามการค้า
ปัจจัยในประเทศ :
10 ตค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน กย.
การเข้าเทรดของหุ้นใหม่ใน SET : 10 ตค. AWC (ราคา IPO 6 บาท)
การรายงานกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (คาด TISCO รายงานวันที่ 11 ตค. นี้)
Technical View
SET
แนวรับ : 1550, 1580
แนวต้าน : 1615, 1625
SET Index : หากหลุด 1600 จะฟอร์มกลับตัวลงแบบ Head and Shoulders กราฟ SET รายสัปดาห์กำลังฟอร์มการกลับตัวลงแบบ Head and Shoulders ขณะนี้กำลังปรับตัวลงทดสอบแนวรับ Neckline บริเวณ 1600 ซึ่งเป็นแนว EMA200Week ด้วย หากสังเกตรอบที่ลง ทดสอบแนวรับ 1600 2 ครั้งที่ผ่านมามีแรงดึงกลับได้ในสัปดาห์นั้นเลย แต่สัปดาห์นี้(3.) ไม่มีแรง Rebound เกิดเป็นแท่งแดงเต็มแท่ง ฉะนั้นหากหลุด 1600 มองว่า Downside เปิด มองแนวรับสำคัญถัดไปที่บริเวณ 1580 และ 1550+/-
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น: หากหลุด 1600 แนะนำ Stop Loss แต่หาก Rebound ยังน่าขายทำกำไรที่แนวต้าน 1615/1625
ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มจนกว่าจะเริ่มหยุดลงหรือมีสัญญาณ Rebound ที่ชัดเจน
Tiger Picks :
TISCO : ซื้อ
แนวรับ : 99.00-100.00
แนวต้าน : 103.00/105.00
ตัดขาดทุน : 98.00
OSP : ซื้อ
แนวรับ : 35.00-35.50
แนวต้าน : 37.00/38.00
ตัดขาดทุน : 34.50
ข่าว เด่น พร้อมคำแนะนำ
LPN
ลุยโอนคอนโดใหม่ 6 ต.ค.นี้ 'ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสารฯ' มูลค่า 1.3 พันล้าน (ข่าวหุ้น
ความเห็น : เราคงคำแนะนำ Take Profit ราคาเป้าหมาย 5.45 บาท/หุ้น สำหรับ LPN โดยมองว่าธุรกิจหลักคือคอนโดมิเนียมของ LPN อยู่ในช่วงที่ฟื้นตัวยากจากรูปแบบโครงการและ Segment ที่มี Demand น้อย ขณะที่แผนการพัฒนาโครงการแนวราบเพื่อมาต่อยอดการเติบโตนั้นไม่ได้ยอดตามเป้าและช้ากว่าแผน ดังนั้นเราปรับประมาณการกำไรสุทธิของปี 2562-2563 ลง 13% และ 25% ตามลำดับ โดยคาดกำไรสุทธิจะลดลงต่อเนื่อง 2 ปี
NWR
คว้างานเพิ่ม มูลค่ารวม 432 ล. ปีหน้าฟื้นตัวชัด (ทันหุ้น)
ความเห็น : ปัจจุบันมี Backlog ที่สูงถึง 2.5 หมื่นล้านบาท แต่งานประมูลได้ในช่วงหลังมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นลดต่ำลงเหลือ 4-6% จากอดีต 6-7% จะกดดันผลประกอบการในอนาคตไม่เด่น โดยคาดหวังปี 2563 จะฟื้นตัวเป็นบวก แต่ฐานกำไรคาดจะต่ำ ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 1.50 บาท ประเมินราคาเป้าหมาย 1 บาท แนะนำ ถือ รอสัญญาณการฟื้นตัวในปีหน้า
TU
ปี 2563 คาดผลประกอบการดี ตั้งสำรองกรณีคดีฟ้องร้องหมดแล้ว (ข่าวสด)
ความเห็น : การตั้งสำรองค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายของ Chicken of the Sea น่าจะตั้งไว้เพียงพอแล้ว ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าคาดว่ายังต่ำ ประเด็นที่ท้าทายคือการเพิ่มยอดขาย ซึ่งถูกกดดันจากเงินบาทแข็งค่า คาดกำไร 3Q62 ชะลอตัว แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว เป้าหมาย 22.80 บาท
นักวิเคราะห์ : วิจิตร อารยะพิศิษฐ
Research Department Tel. 02-658-5000