WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Sideways
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้หลุดแนว 1,580 จุด ลงมาปิดที่ 1,569.73 จุด ลบ 1.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56,638 ล้านบาท
      ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 610 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 11,405 สัญญา และคงการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 761 ล้านบาท เมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าราว 2-3 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ
       ผลการประชุม ECB วานนี้ ประกาศแผนเข้าซื้อ Covered Bond ในเดือนนี้ และ ABS ใน 4Q57 แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนผิดหวังคือ ขาดการกำหนดวงเงินที่ชัดเจน เพียงส่งสัญญาณว่าเม็ดเงินที่จะใช้อาจน้อยกว่า 1.0 ล้านล้านยูโร ตามที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรป ปรับฐานลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สัญญาณดังกล่าว จะเข้าข่ายการทำ Euro Carry Trade ด้วยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มต่ำยาวนาน และค่าเงินยูโรมีทิศทางอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ทำให้ภาพระยะกลางถึงยาว MBKET เชื่อว่าจะเห็นเม็ดเงินจากกลุ่ม Hedge Fund เข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชีย

     สำหรับทิศทางการลงทุนในวันนี้ MBKET ประเมิน SET INDEX แกว่งออกด้านข้าง แต่จะปรับฐานลงแรงต่อหรือไม่ให้ติดตามตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้ หลังปิดทำการตลอด 2 วันที่ผ่านมา เนื่องในวันชาติจีน ภายใต้การชุมนุมของชาวฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้น ขณะที่ทางการจีนให้การสนับสนุนผู้ว่าการเกาะฮ่องกง แม้ว่าปัจจัยการเมืองในฮ่องกงจะไม่มีผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ ก็ตาม แต่นักลงทุนไทยกลับอ้างอิง HSKI เป็นตัวส่งสัญญาณระยะสั้นของ SET INDEX

     ปัจจัยสำคัญในวันนี้ MBKET ให้น้ำหนักกับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในคืนนี้ เพื่อประเมินถึงโอกาสที่เฟดจะให้ความเห็นต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนต.ค.นี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ
     ปัจจัยเด่นในสัปดาห์หน้า ติดตามการประชุมธนาคารกลาง 2 แห่ง ได้แก่ BoJ อาจเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณอ่อนแรงมากขึ้น ส่วน BoE อาจส่งสัญญาณพร้อมขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากปัจจุบัน 0.50% เมื่อเศรษฐกิจอังกฤษ เติบโตแข็งแกร่ง
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/-“
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” LPN/ KTB
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN/ VGI/ PTT
Accumulative Buy: LPN/ KTB

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปรับฐานลงแรง
MBKET คาด SET INDEX เปิดย่อ และฟื้นตัวลักษณะ Technical Rebound

ตลาดผิดหวังต่อ ECB คืนวานนี้ แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง ก็จะมีเงินอัดฉีดเข้าสู่ตลาดเงิน เพื่อลดผลตอบแทนจากพันธบัตร
กลยุทธ์การลงทุน ถือพอร์ตรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปรับตัวลงแรงเกือบทุกตลาด ยกเว้น VNI ปิด +0.56% โดย Nikkei -2.61% และ JSX -2.73% รัฐบาลอินโดนีเซียส่งสัญญาณขึ้นราคาน้ำมัน สร้างความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อสูงในอินโดนีเซีย
ภาวะการลงทุนรอบเอเชียวานนี้เป็นลบ ส่งผลให้ SET INDEX ปรับฐานหลุดแนว 1,580 จุด และ 1,570 จุด ลงมาแกว่ง 1,565-1,570 จุด เกือบตลอดทั้งวัน โดยเกิดแรงขายในหุ้นหลัก 4 ตัวได้แก่ KBANK / SCB / BBL / ADVANC ขณะที่มีแรงซื้อสะสม PTT เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้านหุ้นขนาดเล็กที่มีประเด็นเก็งกำไรก็สามารถปิดบวกสวนภาพตลาดรวมได้เช่นกัน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,569.73 จุด ลบทั้งสิ้น 17.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56,638 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดลบแรงสุดนี้วานได้แก่ กลุ่ม เหมืองแร่ -5.78%, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -3.27% และกลุ่ม IMM -3.07% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -1.07%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -1.05% และกลุ่มพลังงาน -0.29%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.45 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบเล็กน้อย จากค่าเงินเยนที่แข็งค่าแตะระดับ Yen108/US$ และขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน ส่วนตลาดหุ้น Kospi ปิดทำการ เนื่องในวันชาติเกาหลีใต้
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 6 หลัง SET INDEX ปรับฐานลงแรงและแกว่ง 1,570 จุด +/- วานนี้ เนื่องจาก SET INDEX หลุดแนว 1,580 จุด ทำให้เกิดแรงขายปิดความเสี่ยงช่วงสั้น
ขณะที่นักลงทุนในยุโรป ต่างผิดหวังกับมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ของ ECB ในคืนวานนี้ เพียงเพราะ
•ECB ไม่มีการกำหนดวงเงินที่ชัดเจน แต่กำหนดจากขนาดของงบดุล ECB จะให้กลับไปสู่ระดับต้นปี 2555 (มากกว่า 3.0 ล้านล้านยูโร) จากปัจจุบันที่ 2.0 ล้านล้านยูโร
•ตราสารหนี้ที่จะเข้าซื้อ Covered Bond และ ABS เท่านั้น แต่ไม่รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล ตลาดประเมินว่า ไม่ช่วยลดต้นทุนทางการเงินของประเทศ แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง เป็นการลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ภาคเอกชนโดยตรง บวกต่อระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง
•อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ ต้องไม่ต่ำกว่า BBB- ทำให้ประเทศที่มีความอ่อนแอทางด้านการเงินการคลัง อย่าง กรีซ ไม่ได้รับประโยชน์จากเครื่องมือนี้ ความเห็นของ MBKET ต่อประเด็นนี้ เชื่อว่า ECB ต้องการให้ประเทศที่ขาดวินัยทางการคลัง ควรจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาภายใน มากกว่าจะมาฉวยโอกาสรีไฟแนนซ์ตราสารหนี้ของตนเอง จากโครงการดังกล่าว
แต่หากมองอีกมุมหนึ่งของมาตรการ ECB กลับเป็นผลบวกต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของอียู และ การเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่ระบบการเงินโลก ประเด็นบวกพอสรุปได้ดังนี้
•เป็นการยืนยันถึง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณอ่อนแอลง ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่ระบบ ด้วยการลดต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนทางตรง ผลตอบแทน Covered Bond และ ABS จะมีแนวโน้มลดลง
•เปิดโอกาสของการทำ Euro Carry Trade มากขึ้น เพราะมาตรการดังกล่าว เป็นการยืนยันถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ยาวนานไม่ต่ำกว่า 2.0 ปีของ ECB และปริมาณเงินยูโรที่จะเข้าสู่ระบบการเงิน ทำให้ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
oเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ เอเชียบางประเทศ
oเป็นลบกับ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และ ทองคำ เพราะถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า
ด้วยประเด็นหลักของสัปดาห์จากการประชุม ECB ในมุมมองของเรากลับมองเป็น “กลางถึงบวก” เพราะสภาพคล่องทางการเงินมีแนวโน้มล้นมากขึ้นในระบบการเงินโลก
ตลาดหุ้นกลุ่ม TIP ในมุมมองของเรา ถือว่า SET INDEX ยังคงโดดเด่น เนื่องจาก
•ตลาดหุ้น ฟิลิปปินส์ (PSE) เผชิญกับ Valuation ที่ตึงตัวมาก PER14-15 ณ ระดับปิดวานนี้ เท่ากับ 20.19 และ 17.44 ตามลำดับ สูงสุดในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ กลายเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไร
•ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (JSX) ปรับฐานลงแรงวานนี้ 2.7% หลังนาย Widodo ประกาศทยอยยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันสำเร็จรูป ส่งผลให้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงของอินโดนีเซียกลับมามีน้ำหนักอีกครั้ง ทำให้แนวโน้มธนาคารกลางอินโดนีเซีย อาจจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อป้องกันอัตราเงินเฟ้อสูง กดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทางอ้อม
•ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น นโยบายการบริหารประเทศ และเศรษฐกิจมีความชัดเจน และ Valuation ณ ปัจจุบัน PER14-15 เท่ากับ 15.91 และ 13.66 ตามลำดับ ต่ำสุดในกลุ่ม TIP

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตเก็งกำไร เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า ขณะที่นักลงทุนอาจเพิ่มพอร์ตเก็งกำไร หากราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แบบจำกัดวงเงิน” เพราะ MBKET ประเมินว่า ยิ่ง SET INDEX แกว่งตัวเหนือ 1,600 จุด ความผันผวนของ SET INDEX จะยิ่งมากขึ้นเป็นลำดับ

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.เชื่อตลาดผิดหวังกับ ECB แค่ช่วงสั้น: หรืออาจกล่าวว่าเป็นการ Sell on Fact จากสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ 0.05% และการเริ่มโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ Covered Bond และ ABS ใน 4Q57 นี้
MBKET เชื่อว่า ตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงหลัง ECB ประกาศรายละเอียดของโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ น่าจะเป็นผลของ Sell on Fact เป็นหลักสำคัญ แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง คือการยืนยันที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในอียูที่ส่งสัญญาณอ่อนตัวลง จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ตลาดหุ้นยุโรปวันนี้จะเห็นการฟื้นตัวแรง
2.โรดโชว์ของตลท.เริ่มแล้ววันนี้: วันนี้ผู้จัดการกองทุนในประเทศ 150 รายได้เข้าพบ รองนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล และ รมว.คลัง นายสมหมาย ภาษี เพื่อรับทราบถึงแนวนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจรวมถึงรายละเอียดของโครงการกระตุ้นระยะสั้น วงเงิน 3.0 แสนล้านบาท ที่นายกฯ ประกาศในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา และสัปดาห์หน้าวันที่ 8 ต.ค. รองนายกฯ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร / รมว.คลัง และ ผู้ว่าการ ธปท. จะเดินทางไปพบนักลงทุนที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ เพื่อชี้แจงนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
MBKET เชื่อว่าจะเห็นเม็ดเงินทุนจากกองทุนในและต่างประเทศ กลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังผู้จัดการกองทุนได้เข้ารับฟังข้อมูลเพิ่มเติม
3.คืนนี้ติดตามตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ: เดือน ก.ย. โดย Bloomberg consensus
•การจ้างงานนอกภาคการเกษตร คาดเพิ่มขึ้น 2.15 แสนตำแหน่ง เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า +1.42 แสนตำแหน่ง
•การจ้างงานภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 2.15 แสนตำแหน่ง เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 1.34 แสนตำแหน่ง
•แต่อัตราการว่างงานคาดทรงตัวที่ 6.1% เท่ากับเดือนก่อนหน้า
4.ตลาดหุ้นในฮ่องกงเปิดทำการในวันนี้: ส่วนตลาดหุ้นจีนจะปิดทำการถึงวันที่ 7 ต.ค.
5.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ให้น้ำหนักการประชุมธนาคารกลาง
•การประชุมธนาคารกลางสำคัญ 2 แห่งได้แก่
i.BoJ วันที่ 7 ต.ค.
ii.BoE วันที่ 9 ต.ค.
•ติดตามการประมาณการงบการเงิน 3Q57 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งธนาคารพาณิชย์ไทยจะเริ่มทยอยประกาศงบในช่วงกลางเดือนต.ค.
•การโรดโชว์ของตลท. ร่วมกับ ML จัดงาน Thai Forum ที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ ในวันที่ 8 ต.ค. โดยมีรมว.การคลัง, ผู้ว่าการธปท. และกรรมการ คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ เข้าพบผู้จัดการกองทุน
•ติดตามการประชุม ครม. วันพุธที่ 8 ต.ค. อาจมีรายละเอียดของแผนการเร่งการใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ประกาศไปในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.91 13.66 16.03 13.75
PSE 20.19 17.44 20.41 17.62
JSE 16.15 13.76 16.65 14.13
KOSPI 10.07 8.77 10.08 8.77
TAIEX 14.14 12.93 14.17 12.96
Straits Time 14.25 13.12 14.41 13.26
SHCOMP 9.37 8.29 Closed Closed
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.LPN : ราคาปิด 21.20 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)MBKET ให้ LPN เป็น 1 หุ้น Top pick สำหรับการลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 และแนะนำทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะเวลา 3-6 เดือนขึ้นไป
b)เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโตโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท ขยายตัวสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่ากำไรจะเติบโต +9.2% yoy ในปี 2558
c)จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ของเราที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy
d) Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 9.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที 10.7 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราวปีละ 5%
2.KTB : ราคาปิด 23.70 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น KTB และเชื่อว่าได้ประโยชน์โดยตรงจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ประกาศในวันพุธที่ผ่านมา โดยเน้นเบิกจ่ายงบประมาณคงค้างของปี 2557 และเน้นการใช้จ่ายงบปี 2558 ให้เป็นไปตามแผนงาน
b)เนื่องจาก KTB มีสัดส่วนสินเชื่อโครงการภาครัฐฯ สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร จึงคาดว่าจะส่งผลให้สินเชื่อใน 4Q57 ขยายตัวเด่น จากการปล่อยกู้ให้กับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ
c)ทิศทางกำไรสุทธิ 3Q57 คาดขยายตัว qoq จากการตั้งสำรองที่ลดลง และสินเชื่อเติบโต qoq ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นใน 4Q57 และต่อเนื่องถึงปี 2558 จากอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับขึ้นใน 2H57
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.9x, SCB 1.9x และ BAY 2.1x และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 4% (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะการจ้างงาน

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 9 อีก US$687 ล้าน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดเดียวที่ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่อง

ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -207.5 -236.5 10,733.3 9,188.0
KOSPI -329.6 -223.2 7,545.7 4,875.1
JSE -122.2 -31.9 4,073.4 -1,806.4
PSE -12.9 -11.1 1,299.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 3.7 4.7 231.2 263.2
SET INDEX -18.8 50.5 -56.2 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในไทยทั้ง 3 ตลาด
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -610 +1,639
SET50 Index Futures (สัญญา) -11,405 +5,001
SSF (สัญญา) +140 +2,460
Metal Futures (สัญญา) +843 -1
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -761 -3,772

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 610 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 3,576 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมา Short ใน SET50 Index Futures อีกครั้ง และมากถึง 11,405 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Short อีกครั้ง เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index ต่อเนื่อง เท่ากับ 1.02 จุด แคบลงจากวันก่อนหน้าที่ Premium มากถึง 4.22 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 4 แต่ลดลงเหลือ 761 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 8,137 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ยังคงลดลงอีก 1.59bps ปิดที่ 3.436%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 545 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 399 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 157.23 4.15% 368.23
KBANK 99.23 6.92% 232.92
TRUE 69.48 2.34% 11.41
ADVANC 63.36 5.37% 221.53
SCB 53.76 3.71% 179.63

NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เน้นลดน้ำหนักในธนาคารต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิ 67 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,504 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารอย่างต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.ด้านกลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 6 อีก 487 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 188 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 50 ล้านบาท
2.กลุ่มรับเหมาะก่อสร้าง ซื้อสุทธิสูงสุด 141 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 126 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 130 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 117 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 241 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 306.25 51.70 BBL -493.47 19.42
PTT 167.30 6.40 ADVANC -195.97 19.69
SCC 108.27 24.85 SCB -137.80 11.74
CPF 103.91 20.25 KTB -113.49 16.47
CK 82.58 4.04 PTTGC -72.60 6.25

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!