- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 September 2019 16:26
- Hits: 2604
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ราคาน้ำมันกลับมาปรับลง ติดตามประชุมเฟดใกล้ชิด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +1.00 จุด ปิดที่ 1663.93 จุด มูลค่าการซื้อขายมากขึ้นเป็น 73.3 พันล้านบาท ดัชนีฯบ้านเราปรับขึ้นใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านแกว่งแคบๆ นักลงทุนรอดูสถานการณ์ประชุมเฟดและการปรับตัวของน้ำมันในตลาดโลกมากกว่า หลังมีเหตุการณ์ซาอุฯ กลุ่มปรับตัวขึ้นดีคือพลังงาน พาณิชย์ สื่อสารแต่มีแรงขายใน SCC,CPF,BDMS ผู้ขายสุทธิคือ ต่างชาติ สถาบัน และโบรกเกอร์ ส่วนซื้อสุทธิรายเดียวเป็นรายย่อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 5.0 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: น้ำมันกลับมาปรับลง คลายกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ แต่อาจมีแรงขายหุ้นพลังงาน ติดตามประชุมเฟด FedWatch กลับคาดว่าโอกาสเฟดจะลดดอกเบี้ยน้อยลง แต่เสียงส่วนใหญ่คาดว่ายังจะปรับลด แต่ระยะต่อไปเริ่มไม่แน่นอน บอนด์ยิลด์สหรัฐกลับมาปรับลงบ้าง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทั้งดัชนีความเชื่อมั่นสร้างบ้านและภาคการผลิตดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเยอรมันสูงขึ้น ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับขึ้นแคบๆ น้ำมันล่วงหน้ายังปรับลง และดัชนีความกังวล (Vix) ปรับตัวลดลง
# ระยะสั้นคาด SET- ระยะสั้นระวังหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่หุ้นที่ใช้พลังงานอาจรีบาวด์ เช่นกลุ่มขนส่ง เดินเรือ อุตสาหกรรมต่างๆที่ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ เช่น TASCO กลุ่มธนาคารมีข่าวดี TFRS9 ให้นำดอกเบี้ยจาก NPL และสำรองส่วนเกินกลับมาเป็นรายได้ ยังแนะนำ BBL,KBANK กังวลอหิวาต์หมูระบาด กระทบหุ้น CPF-TFG ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเริ่มลดลง ส่งผลดีขึ้นต่อราคาตราสารหนี้ และสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น กลุ่มREITs,IFF โรงไฟฟ้า จึงอาจมีแรงซื้อกลับ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1650-1690 จุด กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนเป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective)แนวต้านเป็น 1668-1680 จุด แนวรับอยู่ที่ 1655-1645 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พาณิชย์- CPALL, BJC ท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT,BEM,BTS อาหาร TKN สื่อสาร- ADVANC ธนาคาร,ไฟแนนซ์- BBL,KBANK, KKP,TISCO, AEONTS,MTC การแพทย์- RJH,CHG นิคมฯ- AMATA, WHA ที่อยู่อาศัย- AP, ORI และสื่อ- VGI
# Stock Pick Today : SENA ผลประกอบการ 1H62 ชะลอตัวลงมาก และจ่ายปันผลระหว่างกาลลดลง y-o-y แต่ยอดขายรอโอนที่สูง โดยเฉพาะโครงการร่วมทุนกับฮันคิวฯ คาดว่ากำไรและปันผล 2H62 ฟื้นตัวดี คาดกำไร 2H62 เป็นสัดส่วนถึง 68% จากประมาณการทั้งปี และยิลด์ปันผลงวดสุดท้ายสูง 5.2% ปีหน้า 6.3% คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานล่าสุดเป็น 3.71 บาท ประเมินด้วย P/E ปี 62 ที่ 6.0 เท่า ราคาหุ้นถือว่ายังถูก P/E และP/BV ปี 62 ต่ำมากเป็น 5.5 และ 0.8 เท่า ตามลำดับ
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : การควบรวมระหว่าง TBANK กับ TMB
IVL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 48.00)
Stock in Focus : CPTGF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 14.30)
In The News : GFPT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 20.10)
BDMS: ราคาหุ้นร่วง 5% คาดว่ามาจากการขายหุ้นที่เกิดจากแปลงสภาพหุ้นกู้ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : DOHOME ใกล้เข้าเกณฑ์ ลุ้นราคาปิดพฤหัส
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- น้ำมัน: กลับมาปรับลงเร็ว หลังซาอุฯฟื้นการผลิตได้เร็ว
# ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียเริ่มผ่อนคลายลง ภายหลังจากเจ้าชายอับดูลาซิซ บินซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า การผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียจะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบอ่อนแรงลง หลังจากที่ราคพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จนสร้างความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
# นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน แม้ว่าสหรัฐกล่าวหาอิหร่านว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีซาอุดีอาระเบียก็ตาม
# ผลกระทบ: เป็นบวกกับการคลายความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ เพราะน้ำมันจะปรับขึ้นสูง และความไม่สงบในตะวันออกกลาง แต่อาจมีแรงขายหุ้นพลังงาน และปิโตรฯ จากก่อนหน้าที่ราคาหุ้นขึ้นไปสูง รับข่าวราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างทะยาน แต่ปัจจุบันกลับมาปรับตัวลงเร็ว
+/- สหรัฐ: FedWatch ระบุมีโอกาสน้อยลงที่เฟดจะลดดอกเบี้ย
# ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มเกือบ 100% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อย่างไรก็ดี ล่าสุดFedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสเหลือเพียง 65.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. ขณะที่มีโอกาส 34.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.00-2.25%
# ผลกระทบ: แม้มีน้ำหนักน้อยลง แต่ตลาดฯยังเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ แต่ในอนาคตคงจะชะลอตัวลง แต่หากในกรณีเลวร้ายที่สุด (worst case) ไม่ปรับลดดอกเบี้ยเลยก็คาดว่าจะเป็นผลลบกับตลาดทุน โภคภัณฑ์ และทองคำ
+ สหรัฐ: ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย.62 ตัวเลขภาคการผลิตก็ดีขึ้น
# สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 68 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในปีนี้ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%
# ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% โดยการปรับตัวขึ้นของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมได้รับแรงหนุนจากการผลิตเครื่องจักร และโลหะ
+ ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี ก.ย.62 ปรับตัวขึ้น
# รายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -22.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ -44.1 ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -37.0 ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน และจากการคาดการณ์ที่ว่า อังกฤษจะสามารถแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยมีการทำข้อตกลง
+ ดาวโจนส์: ปรับขึ้น คลายกังวลเหตุโจมตีซาอุฯ ติดตามผลประชุมเฟด
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,110.80 จุด เพิ่มขึ้น 33.98 จุด หรือ +0.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,005.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.74 จุด หรือ +0.26% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,186.02 จุด เพิ่มขึ้น 32.47 จุด หรือ +0.40
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย หลังจากรัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบียได้แสดงความเชื่อมั่นว่าการผลิตน้ำมันจะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
- น้ำมัน: ปรับลงแรง หลังซาอุฯกลับมาฟื้นฟูการผลิตได้เร็ว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 3.56 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 59.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ดิ่งลง 4.47 ดอลลาร์ หรือ 6.5% ปิดที่ 64.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 6% เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากรัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบียได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียจะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
- ทองคำ: ปรับขึ้น กังวลสถานการณ์ตะวันออกกลาง เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่1,513.4 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงทองคำและพันธบัตร หลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
• สหรัฐ: นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2/2562, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.62 ต่ำสุดในรอบ 10 เดือน
# นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำ รวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.62 อยู่ที่ระดับ 92.8 ปรับตัวลดลงจากระดับ 93.5 ในเดือน ก.ค.62 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนนับตั้งแต่เดือน พ.ย.61 โดยเป็นการปรับตัวลดลงในองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวมปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
-ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ส.ค.62 อยู่ที่ 81,549 คัน ลดลง 20.45% y-o-y
# นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานฯ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ส.ค.62 อยู่ที่ 81,549 คัน ลดลง 20.45% จากเดือน ส.ค.61 โดยลดลงเกือบทุกตลาด เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศคู่ค้าลดลงจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงเพราะสงครามการค้า ขณะที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่45,694.98 ล้านบาท ลดลง 18% จากเดือน ส.ค.61
+ เริ่มมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ "ชิมช้อปใช้" ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.62
# นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง แจงความพร้อมเริ่มมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ "ชิมช้อปใช้" ตั้งแต่วันที่23 ก.ย.62 ผ่าน www.ชิมช้อปใช้.com และการเดินทางท่องเที่ยวพร้อมจับจ่ายใช้สอยที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.62 ถึงวันที่ 30 พ.ย.62 โดยได้กำชับธนาคารกรุงไทย (KTB) ดูแลระบบอย่างเต็มที่ ไม่ให้ล่ม หรือมีปัญหาอุปสรรค กับประชาชนที่จะมาร่วมโครงการ 10 ล้านคน โดยคาดว่าจะเกิดเม็ดเงินใช้จ่ายสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]