- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 May 2014 15:20
- Hits: 3813
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
สถานการณ์ยังไม่นิ่ง ทำให้ SET ยังมีสิทธิผันผวน..รอซื้อลบดีกว่า!!
กลยุทธ์ : แม้ว่าปัญหาการเมืองอาจจะมีโอกาสจบเร็วกว่าคาด หลังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก พร้อมทั้งดำเนินการตั้งนายกฯ คนกลาง แต่เนื่องจากยังต้องรอความชัดเจนอีกหลายด้าน รวมทั้งต้องรอดูว่าสถานการณ์จะร้อนแรงมากขึ้นหรือไม่ด้วย ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อเฉพาะช่วงตลาดย้อนลงจะปลอดภัยกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CENTEL, TTA, BLA(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงแกว่งตัวผันผวน ก่อนที่จะค่อยๆ ไต่ระดับกลับมาปิดเป็นบวกเล็กน้อยได้ โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุน ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคยังค่อนข้างผันผวนและส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะแกว่งตัวแคบๆ ในกรอบจำกัดมากกว่า ส่วน SET เช้านี้คาดว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อคืนนี้ เพื่อควบคุมสถานการณ์ก่อนที่ “ว่าที่ประธาน สว.” จะดำเนินการขั้นตอนต่อไปในการสรรหานายกฯ คนกลางภายในสัปดาห์นี้ตามที่ให้สัมภาษณ์ หลังวานนี้รักษาการหน้าที่นายกฯ ยืนยันว่า ครม. จะไม่ลาออก และยังจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งใหม่ต่อไปซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าอาจจะส่งผลให้มีการเผชิญหน้าและความรุนแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งการควบคุมสถานการณ์พร้อมทั้งเร่งให้มีนายกฯ คนกลางเร็วที่สุดในช่วงนี้ อาจจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการใช้กฎอัยการศึกก็อาจกดดันให้นักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจกับสถานการณ์ในประเทศได้ ดังนั้น FSS จึงคาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนและปรับย้อนลงให้เห็นอยู่เช่นเดิม เราจึงแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวลงจะเหมาะสมกว่า
แนวรับ 1407-1404 , 1402-1396 จุด แนวต้าน 1412-1415 , 1420-1426 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ในปริมาณที่ค่อนข้างหนาแน่น โดยส่วนใหญ่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$211.7 ล้าน ไต้หวัน US$154.3 ล้าน เกาหลีใต้ US$146.3 ล้าน ไทย US$16.7 ล้าน เวียดนาม US$6.7 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$3.1 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ‘ประยุทธ์’ ประกาศกฎอัยการศึก มีผล 03.00 น. ที่ผ่านมากฎอัยการศึกถูกประกาศใช้หลังการรัฐประหารวันที่ 6 ต.ค. 2519, 23 ก.พ. 2534, และ 19 ก.ย. 2549 อ้างอิงการปฎิวัติและประกาศกฎอัยการศึกครั้งล่าสุดปี 2549 SET ปรับขึ้นไปก่อนจะมีการปฏิวัติประมาณเกือบ 2 สัปดาห์ หลังจากมีการประกาศปฏิวัติและกฎอัยการศึกแล้ว SET ปรับลง 2 วันเพียง 3% หลังจากนั้นรีบาวนด์เล็กน้อยแล้วลงต่อ รวมเวลาในการปรับฐานประมาณ 2 สัปดาห์ รวม 3% แล้วกลับเป็นขาขึ้น สำหรับครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่ากองทุนในประเทศซื้อหนักมากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นต้นทุนดัชนีเฉลี่ยที่ 1,395 จุด ระยะสั้นจึงควรระวังแรงขายทำกำไรของกองทุน
(-) GDP 1Q14 ของไทยทรุดกว่าตลาดคาด การเมืองที่ยืดเยื้อทำให้ GDP 1Q14 หดตัว 0.6% Y-Y และ 2.1% Q-Q แย่กว่า Consensus คาด +0.5% Y-Y, -2.2% Q-Q เครื่องยนต์ที่หดตัวแรงที่สุดคือการลงทุน (-9.8% Y-Y, -2.8% Q-Q) และการบริโภคภาคเอกชน (-3.0% Y-Y, -0.5% Q-Q) ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 มีเพียงการส่งออกสุทธิที่หนุนเศรษฐกิจ แต่ก็ฟื้นช้ากว่าคาด ทั้งนี้ สศช. ปรับลด GDP ปี 2014 ลงเป็น 1.5-2.5% จากเดิมคาด 3-4% ส่วน ธปท.คาดการณ์ที่ 2.7% แต่มีแนวโน้มปรับลงในการประชุมกลางเดือน มิ.ย. ส่วน Consensus คาดการณ์ที่ 2.4% และ FSS คาดที่ 2%
(0) จับตาส่งออกเดือน เม.ย. ศุกร์นี้ หากส่งออกเดือน เม.ย. ออกมาแย่กว่าตลาดคาด (+0.7% Y-Y, -3.1% M-M) มีโอกาสเสี่ยงที่ GDP จะถูกปรับประมาณการลงอีกครั้ง ทั้งนี้ เราคาดการส่งออกในปีนี้ฟื้นตัว 7% Y-Y หากเดือน เม.ย. เป็นไปตามตลาดคาดคือเพิ่มเพียง 0.7% Y-Y หมายความว่า 4 เดือนแรก ส่งออกยังหดตัว 0.6% Y-Y และอีก 8 เดือนที่เหลือต้องมียอดส่งออกเฉลี่ยเดือนละ US$2.13 หมื่น ซึ่งดูเป็นเรื่องยากมาก
(+) CK กำไรปกติ 1Q14 ฟื้นตัวแรงที่สุดในกลุ่ม +59% Q-Q, +27% Y-Y ตามคาด และคิดเป็น 42% ของคาดการณ์กำไรปกติทั้งปีที่ 877 ล้านบาท ลดลง 5% Y-Y ซึ่งเรายังคงไว้เพราะแนวโน้ม BMCL (CK ถือ 30.2%) และบจ.ไซยะบุรีพาวเวอร์ (ถือ 30%) คาดว่าจะขาดทุนในช่วงที่เหลือของปี เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท
(0) ITD กำไรปกติ 1Q14 ลดลง 79% Q-Q และ 49% Y-Y แย่ที่สุดในกลุ่ม และคิดเป็น 15% ของคาดการณ์กำไรปกติทั้งปีที่ 665 ล้านบาท ลดลง 20% Y-Y ลดลงแรงที่สุดในกลุ่ม สำหรับความคืบหน้าของโครงการทวาย ITD มีโอกาสได้เงินคืนทั้งหมด 6 พันล้านบาทหากประมูลงานไม่ได้กลางปีนี้ แต่หากประมูลได้ ก็จะแปลงเงินลงทุนที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้าเป็นหุ้น ในส่วนของการเพิ่มทุน 1 พันล้านบาท บริษัทได้ขยายเวลาการจัดสรรออกไป โดยระบุว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินในขณะนี้ (หากเพิ่มทุน จะมี dilution 17%) เรายังคงเป้าหมาย 3.90 บาท แนะนำเพียงถือ เรายังชอบ STEC และ CK มากกว่า
(-) TK เราปรับประมาณการกำไรสุทธิลง 24% เหลือ 400 ล้านบาท ลดลง 7% Y-Y โดยปรับสมมติฐานการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญขึ้นจากเดิม 12% ของสินเชื่อรวมเป็น 13.8% และปรับลดการเติบโตของสินเชื่อลงจากเดิม 5% เป็นไม่เติบโต แม้ว่า TK จะมี PE 11.6 เท่าแต่ก็สูงกว่า ASK, KCAR และ THANI และเราปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 8.80 จาก 9.40 บาท ลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ เพราะผลประกอบการยังมี downside
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาขยับบวกได้ต่อเนื่องอีก 20.55 จุด ภายใต้การซื้อขายที่ผันผวน หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมากระจัดกระจายทำให้นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดสลับมีทั้งบวกและลบโดยนักลงทุนยังกังวลต่อมูลค่าหุ้นที่อาจสูงเกินไป รวมถึงจับตาท่าทีของ ECB รวมถึงการเลือกตั้งในภูมิภาค
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ในกรอบแคบๆหลังยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ส่วนตลาดหุ้นไทยถูกจับตาหลังทหารประกาศกฎอัยการศึก
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงหลังมีการประกาศกฎอัยการศึก คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.64 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 0.59 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 102.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดมีคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมาซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ขยับขึ้น 0.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,293.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีในช่วงหลังยังคงจำกัดการขึ้นของราคาทองคำ
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852