- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 September 2019 15:27
- Hits: 4191
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้ลุ้น SET Index แกว่งสร้างฐานในกรอบ 1,650-1,670 จุด เนื่องจากคาดตลาดได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศทั้งจาก ECB ตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยปรับลดดบ.เงินฝากลง 10bps.พร้อมหนุนการทำ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ภาพความขัดแย้ง Trade war มีท่าทีผ่อนปรนขึ้นหลังผู้นำทั้งสองฝ่ายกลับเข้าสู่การเจรจาอีกครั้ง
• Market Factor
• (+) ธนาคารกลางยุโรปผ่อนคลายนโยบายการเงินแม้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% อย่างไรก็ดีได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 10 bps จาก -0.4% เป็น -0.5% บวกกับจะใช้มาตรการ QE ซื้อพันบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรโดยเริ่มต้นในเดือน พ.ย.
• (+) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ทรัมป์พิจารณาทำข้อตกลงการค้าชั่วคราวกับทางจีนบวกกับประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่าสินค้า2.5แสนล้านดอลลาร์จากเดิมวันที่ 1 ต.ค. 62 เป็นวันที่ 15 ต.ค. 62
• (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และBrent วานนี้ปรับลง 1.2%DoD และ 0.7%DoD ตามลำดับหลังกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ยังไม่ได้กล่าวถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงในการประชุมวานนี้
• (-) สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร คาดแนวโน้มของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วง 4Q62 ยอดขายและยอดโอนจะทรงตัวหรือติดลบ 10%YoY ขึ้นกับปัจจัยหนุนใหม่ หลังตั้งแต่ต้นปีภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยติดลบกว่า 5% ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ชะลอตัวตาม สะท้อนผ่านการขายโครงการต่างๆ ช้าขึ้น และยอดขายไม่เป็นไปตามที่ผู้ประกอบการคาดการณ์ไว้ (อินโฟเควสท์)
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.31 บาท หรือลดลง 13.75%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย1,065.03 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 4,819.22 ลบ.(ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 1,307.96 ลบ.)
• Investment Strategy
• วันนี้ถึงสัปดาห์หน้า เรามอง SET Index ยังคงแกว่งในกรอบ 1,645-1,680 จุด โดยแม้ประเด็น Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้ามากขึ้น แต่คาดยังต้องติดตามแนวทางที่ชัดเจน บวกกับนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม Fed ในสัปดาห์หน้า (17-18 ก.ย.) ดังนั้นเราแนะนำให้นักลงทุนทยอยเก็บหุ้นหลัก 3 กลุ่มที่ปรับตัวลงมา ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุงศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขาBigCมากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุนSSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ ปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (ช่วง 2H62หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี62 เห็นการTurnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
• Trading Idea
• หุ้นที่ได้รับผลประโยชน์หลังพายุ “โพดุล” สงบ: เราเลือก SPC, DOHOME, GLOBAL, DCC
• กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีความหวานของเครื่องดื่ม : เราแนะนำ Short Selling หรือ Short Against Port ในหุ้น ICHI
12-Sep-19 Change (pts.) 11-Sep-19
SET Index 1,660.68 -13.35 1,674.03
SET50 Index 1,103.91 -11.48 1,115.39
SET100 Index 2,436.35 -24.18 2,460.53
High 1,679.03 Gainers 572
Low 1,659.42 Unchanged 442
Value (Bt m) 70,086.30 Losers 1,019
Volume (*000) 21,124,891
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.7 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -0.7
EV/EBITDA (x) 11.7 10.7 10.2
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.6
ROE 10.7 10.9 11.0
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 12-Sep-19 WTD MTD YTD
Institution 470.00 327.14 4,404.48 36,823.12
Proprietary 1,049.18 2,824.50 3,511.24 10,919.88
Foreign (1,065.03) (1,357.24) (4,819.22) 1,609.74
Individual (454.15) (1,794.40) (3,096.51) (49,352.73)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary