WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus

AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้ลุ้น SET Index  แกว่งสร้างฐานในกรอบ  1,650-1,670 จุด เนื่องจากคาดตลาดได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศทั้งจาก ECB ตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยปรับลดดบ.เงินฝากลง 10bps.พร้อมหนุนการทำ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ภาพความขัดแย้ง Trade war มีท่าทีผ่อนปรนขึ้นหลังผู้นำทั้งสองฝ่ายกลับเข้าสู่การเจรจาอีกครั้ง
•    Market Factor
•    (+) ธนาคารกลางยุโรปผ่อนคลายนโยบายการเงินแม้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% อย่างไรก็ดีได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 10 bps จาก -0.4% เป็น -0.5% บวกกับจะใช้มาตรการ QE ซื้อพันบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรโดยเริ่มต้นในเดือน พ.ย.
•    (+) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ทรัมป์พิจารณาทำข้อตกลงการค้าชั่วคราวกับทางจีนบวกกับประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่าสินค้า2.5แสนล้านดอลลาร์จากเดิมวันที่ 1 ต.ค. 62 เป็นวันที่ 15 ต.ค. 62
•    (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และBrent วานนี้ปรับลง 1.2%DoD และ 0.7%DoD ตามลำดับหลังกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ยังไม่ได้กล่าวถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงในการประชุมวานนี้
•    (-) สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร  คาดแนวโน้มของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วง 4Q62 ยอดขายและยอดโอนจะทรงตัวหรือติดลบ 10%YoY ขึ้นกับปัจจัยหนุนใหม่ หลังตั้งแต่ต้นปีภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยติดลบกว่า 5% ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ชะลอตัวตาม สะท้อนผ่านการขายโครงการต่างๆ ช้าขึ้น และยอดขายไม่เป็นไปตามที่ผู้ประกอบการคาดการณ์ไว้ (อินโฟเควสท์)
•    (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.31 บาท หรือลดลง 13.75%YTD
•    Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย1,065.03 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 4,819.22 ลบ.(ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 1,307.96 ลบ.)
•    Investment Strategy
•    วันนี้ถึงสัปดาห์หน้า เรามอง SET Index ยังคงแกว่งในกรอบ 1,645-1,680 จุด โดยแม้ประเด็น Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้ามากขึ้น แต่คาดยังต้องติดตามแนวทางที่ชัดเจน บวกกับนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม Fed ในสัปดาห์หน้า (17-18 ก.ย.) ดังนั้นเราแนะนำให้นักลงทุนทยอยเก็บหุ้นหลัก 3 กลุ่มที่ปรับตัวลงมา ดังนี้
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุงศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขาBigCมากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุนSSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ ปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (ช่วง 2H62หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY)
•    กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ   มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
•    กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา,  Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี62 เห็นการTurnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
•    Trading Idea
•    หุ้นที่ได้รับผลประโยชน์หลังพายุ “โพดุล” สงบ: เราเลือก SPC, DOHOME, GLOBAL, DCC
•    กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีความหวานของเครื่องดื่ม : เราแนะนำ Short Selling หรือ Short  Against Port ในหุ้น ICHI

    12-Sep-19    Change (pts.)    11-Sep-19
SET Index    1,660.68    -13.35    1,674.03
SET50 Index    1,103.91    -11.48    1,115.39
SET100 Index    2,436.35    -24.18    2,460.53

 

High    1,679.03    Gainers    572
Low    1,659.42    Unchanged    442
Value (Bt m)    70,086.30    Losers    1,019
Volume (*000)    21,124,891         

Market Valuation
SET Data    2019F    2020F    Long Term
Fwd PER (x)    16.7    15.1    15.1
EPS Growth (%)    13.9    9.3    -0.7
EV/EBITDA (x)    11.7    10.7    10.2
FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6
Dividend Yield (%)    3.0    3.3    3.6
ROE    10.7    10.9    11.0

Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    12-Sep-19    WTD    MTD    YTD
Institution    470.00    327.14    4,404.48    36,823.12
Proprietary    1,049.18    2,824.50    3,511.24    10,919.88
Foreign     (1,065.03)    (1,357.24)    (4,819.22)    1,609.74
Individual    (454.15)    (1,794.40)    (3,096.51)    (49,352.73)

AECS ( Fundamental and Strategic Team )

จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!