ราคาน้ำมันดิบเป็นปัจจัยบวกหนุน SET INDEX

ระดับความเสี่ยงของตลาด

High Volatility

Weight: Stock 40%, Cash 60%

สะสม GGC

ราคาปิด 11.70 บาท

ราคาเหมาะสม 13.60 บาท

          เราเชื่อว่าปี 2563 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ GGC เนื่องจาก  1)การเริ่มใช้น้ำมัน B10 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 2) ปี 2563 จะรับรู้รายได้ของกำลังการผลิตใหม่ธุรกิจไบโอดีเซลเต็มปี 3) นโยบายประกันราคาปาล์มจะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสขาดทุน Stock loss ลดลง

          ดังนั้น เราคาดกำไรปกติปี 2563 เติบโต +170% YoY เป็น 900 ลบ. ขณะที่ Valuation ยังไม่แพง ซื้อขายที่ PER2563 เพียง 13.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นในภูมิภาคที่ 23.6 เท่า และฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash

เก็งกำไร PTT

ราคาปิด 45.00 บาท

ราคาเหมาะสม 48.00 บาท

          เราคงมุมมองบวกหุ้นกลุ่มพลังงานต่อจากวานนี้ และคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดได้ในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก 1) การประชุม ECB คาดลดดอกเบี้ย -0.1% เป็น -0.5% 2) การประชุมรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน 24 ประเทศ คาดหาแนวทางร่วมกันในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน

          ภาพทางเทคนิคจะเป็นบวกหากปรับตัวผ่าน 45.00 บาทได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบ 46.00 บาทเป็นแนวต้านถัดไป ขณะที่เงินปันผล 1H62 คาดหุ้นละ 0.60 บาท ให้ Dividend Yield 1.4%

เก็งกำไร TOP  

ราคาปิด 68.75 บาท

แนวต้านทางเทคนิค 70.00 บาท

          หุ้นกลุ่มโรงกลั่นมี Momentum บวก หลังค่าการกลั่นวานนี้เร่งตัวขึ้น +12.3% dod เป็น US$6.23/barrel และแนวโน้ม 2H62 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น HoH เนื่องจากเป็น High Season

          ดังนั้น เราคาดว่าผลประกอบการ 3Q62 มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น QoQ ทั้งกำไรปกติและกำไรสุทธิ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบสิ้นสุดวานนี้อยู่ที่ US$59.30/barrel ใกล้เคียงกับสิ้น 2Q62 ที่ US$61.76/barrel จึงคาดว่าจะไม่มี Stock loss เป็นจำนวนมากเหมือนที่เกิดขึ้นใน 2Q62 ขณะที่ภาพทางเทคนิคมีโอกาสขึ้นทดสอบ 70.00 บาท

เก็งกำไร AOT

ราคาปิด 74.25 บาท

แนวต้านทางเทคนิค 76.00 บาท

          ภาพทางเทคนิค ราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 76.00 บาท แนวรับ 73.75 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 72.75 บาท

          หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสนามบินมี Sentiment เนื่องจากคาดว่าวันนี้ครม.อาจมีมติอนุมัติให้ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจหยุดงานได้จำนวน 2 วันโดยไม่นับเป็นลา ในเดือน ต.ค. เพื่อกระตุ้นภาคท่องเที่ยวในประเทศ

Profit Taking n.a.

กลยุทธ์วันนี้

 เรามีมุมมองเป็นกลางต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ เริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นต่อสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งทองคำ (ล่าสุด ราคาทองคำ Spot เคลื่อนไหวต่ำกว่า US$1,500/Oz) และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี (Bond Yield ค่อย ๆ ปรับขึ้น) มีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเด่นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ NYMEX +2.35% ปิดที่ US$57.85/bbl หลังจากซาอุดิอาระเบีย ส่งสัญญาณพร้อมลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน

ดังนั้น เราประเมินว่า SET INDEX จะพยุงตัวเหนือแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วันบริเวณ 1,665 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Global Play เป็นหลัก เราแนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี ที่มี Valuation ไม่แพงและราคาค่อนข้าง Underperform ตลาดโดยรวมในช่วงก่อนหน้า

 ความคืบหน้าของประเด็น Brexit...ความพยายามของนายกรัฐมนตรีอังกฤษในการผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ไม่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 293 เสียง แต่ต้องการคะแนนเสียง ถึง 434 เสียง ดังนั้น มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จำเป็นต้องกลับไปเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) เพื่อขยายกำหนดการ Brexit ออกไปอีก 3 เดือนเป็น 31 ม.ค.2563 ในระหว่างที่รัฐสภาอังกฤษจะพักการทำหน้าที่ชั่วคราวเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ตลาดมองว่า ความเสี่ยงของการเกิด No-deal Brexit ภายในปีนี้ ลดลง  ส่งผลให้เงินปอนด์อังกฤษ ตอบสนองด้วยเดินหน้าแข็งค่าราว 0.5% เทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ และ Dollar Index อ่อนค่าลงราว 0.1% เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่

Strategist Team

Padon Vannarat

Strategist 662-009-8060

Natapon Khamthakrue

Strategist 662-009-8059

Piyapat Patarapuvadol

Strategist 662-009-8062

Suvichak Thappang

Assistant Strategist