WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้าดีขึ้น ติดตามประชุม ECB พฤหัสนี้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : NOBLE (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +1.16 จุด ปิดที่ 1671.22 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเป็น 46.7 พันล้านบาท ดัชนีฯบ้านเราปรับขึ้นแคบๆสอดคล้องกับภูมิภาค มีการขายทำกำไรลดความเสี่ยง และรอดูผลการประชุม ECB 12 ก.ย.นี้ ที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย และออกมาตรการ QE ตลาดตอบรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจน้อย ผู้ขายสุทธิรายเดียวคือ สถาบัน 1.3 พันล้านบาท ส่วนซื้อสุทธิเป็น ต่างชาติ โบรกเกอร์ และรายย่อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิลดเป็น 2.6 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เจรจาการค้าดีขึ้น บอนด์ยิลด์เพิ่ม ติดตามข่าวดี ECB กระตุ้นเศรษฐกิจ มีข่าวทรัมป์กำลังพิจา รณาเลื่อนการเก็บภาษีจากจีนจาก 15 ธ.ค.62 มีการเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ขายทองคำ พฤหัสนี้หาก ECB ลดดอกเบี้ยหรือเพิ่ม QE ก็จะเป็นปัจจัยบวกเข้ามา สถานการณ์ Brexit ดีขึ้น และเยอรมันอาจออกนโยบายการคลัง ราคาน้ำมันปรับขึ้นดี หลังซาอุฯได้รมว.พลังงานใหม่ที่จะลดกำลังการผลิตต่อ ก็จะดันหุ้นพลังงานได้ PTTEP เด่น ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแกว่งแคบๆ ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้น ไม่เกิด IYC และดัชนีกังวลอยู่โซนลด
# ระยะสั้นคาด SET- มีโมเมนตัมปรับขึ้นได้ต่อ ปัจจัยต่างประเทศหนุน คาดซื้อขายในกรอบ 1660-1690 จุด แม้ปัจจัยไม่แน่นอนยังเป็นการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐแต่ข่าวหนุนคือ ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวก เฟดพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย 17-18 ก.ย. น่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง และ กนง.ประชุม 25 ก.ย.อาจจะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง คาดว่าหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่จะแกว่งตัวขึ้นดี กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนเป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) แนวต้านเป็น 1680-1690 จุด แนวรับอยู่ที่1645-1610 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ โรงกลั่น- TOP พาณิชย์- CPALL, BJCท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT,BEM,BTS อาหาร CPF,TU,TKN สื่อสาร- ADVANC ธนาคาร,ไฟแนนซ์- KKP,TISCO, AEONTS,MTC การแพทย์- RJH,CHG นิคมฯ-AMATA, WHA ที่อยู่อาศัย- AP, ORI กลุ่ม REITs,IFF- AIMIRT,DREIT,HREIT,DIF และสื่อ- VGI
# Stock Pick Today : LALIN ราคาหุ้นปรับลงมาก หลังประกาศกำไร 2Q62 น่าผิดหวัง และ XD ปันผลที่สูงไปแล้ว แต่คาดว่ากำไร 2Q62 เป็นจุดต่ำสุดของปีที่ผ่านไปแล้วและกำไร 2H62 กระเตื้องดีขึ้น มียอดขายรอโอนแข็งแกร่ง 1.3 พันล้านบาท และรับประกันประมาณการรายได้ปีนี้แล้ว 77% เป็นหลุมหลบภัยที่ดี ด้านอัตราการเติบโตกำไรปีนี้และปี 63 อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจเป็น +6%/+5% ตามลำดับ แนะนำ ซื้อ รับปันผลสูง ยิลด์ปีนี้ 6.6% ปีหน้า 7.0% ราคาหุ้นถูก P/E และ P/BV ปี 62 เป็น 6.1 และ 0.8 เท่าตามลำดับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ยังให้สัญญาณที่เป็นลบ {แม้“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน” แต่“ปิดไม่สูง” หรือ ค่อนมาทางต่ำ(โดยยังคงติด“แนวต้านสำคัญ” และถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1680 (หรือ 1690) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1660” (แนวรับย่อย “1645, 1610 หรือ 1590 – 1580” จุด}สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น NOBLE,BCPG,JWD,VGI,BGC ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ GLOBAL หุ้นที่หลุด List คือ ROJNA, TOA, JMT,MEGA และที่ให้หาจังหวะTake profit SCC,BGRIM
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ADVANC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 264.00)
New Listing : PACE-W3
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เจรจาการค้า : มีข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน
# นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่มีกำหนดในวันที่ 15ธ.ค. ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ
# ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐและจีนมีความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการบังคับใช้กลไกในการป้องกันการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา หลังจากที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวได้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
+/• ธนาคารกลางยุโรป : ติตตามการประชุม 12 ก.ย.62 จะลดดอกเบี้ย เพิ่ม QE หรือไม่
# ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
+/- ประชุมเฟด: 17-18 ก.ย.คาดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ระยะยาวอาจไม่ปรับลดมาก และไม่ถี่
# ความเห็นของนายพาวเวลและตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ได้เพิ่มแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้ แต่ที่สำคัญคือ ทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยในระยะยาว อาจจะไม่ปรับลดมาก และความถี่น้อยลง
# นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ว่า เฟดจะจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค.
+ Brexit: สถานการณ์ดีขึ้น และเยอรมันอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
# นักลงทุนเชื่อมั่นว่า มีแนวโน้มลดน้อยลงที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลงขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลเยอรมนีจะออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง
+/- ดาวโจนส์: ปรับขึ้น เจรจาการค้าดีขึ้น แต่ S&P500 และ Nasdaq ลดลง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,835.51 จุด เพิ่มขึ้น 38.05 จุด หรือ +0.14% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,978.43 จุด ลดลง 0.28 จุด หรือ -0.01% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,087.44 จุด ลดลง 15.64 จุด หรือ -0.19%
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวก รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพและกลุ่มเทคโนโลยี
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น หลังจากรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ของซาอุฯให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าลดการผลิตน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 57.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 62.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) หลังจากรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ของซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าลดการผลิตน้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
+ ทองคำ: ปรับลงต่อ ขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฯปรับขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.4 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่1,511.1 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำในระหว่างวัน
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนส.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS)เดือนก.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ เศรษฐกิจไทย: รมว.คลังเผยเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่โพลออกมา
# รมว.คลัง เผยเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่โพลออกมา เชื่อว่าการที่รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมระบุว่า หากมาตรการที่รัฐบาลออกมายังไม่เพียงพอต่อการช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย รัฐบาลก็พร้อมที่จะพิจารณาออกมาตรการอื่นๆ มาเพิ่มเติม (Aspen)
+ ภาคการเกษตร: รองนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หามาตรการเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมมูลค่าเพิ่ม
# นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ภายในเดือนก.ย.นี้ เพื่อหามาตรการในการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตภาคการเกษตรให้มีมูลค่ามากขึ้น (Aspen)
-รีดภาษีความหวาน 'เพิ่ม' ดีเดย์ 1 ต.ค.เก็บลิตรละบาท
# "สรรพสามิต" เตรียมขึ้น "ภาษีความหวาน" ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้ ส่งผลเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10-14% ถูกเรียกเก็บเพิ่มเป็น 1 บาทต่อลิตร หนุนรัฐรีดรายได้เพิ่มปีละ 1.5 พันล้าน พร้อมเตรียมเสนอจัดเก็บ "ภาษีความเค็ม" เอกชนชี้ภาษีความหวาน กระเทือนต้นทุนเครื่องดื่มชาเขียวกำไรลด น้ำอัดลมปรับพอร์ตหลากหลาย ขยับราคาสูตรมีน้ำตาล (กรุงเทพธุรกิจ)
# ผลกระทบ: เป็นลบกับหลักทรัพย์กลุ่มเครื่องดื่มและอาหาร เช่น MALEE,OISHI,ICHI,OSP,CBG,SAPPE,TIPCOรวมทั้งโรงน้ำตาล เช่น BRR,KBS,KTIS เมื่อจัดเก็บภาษีเพิ่ม เพราะผู้ประกอบการปรับตัวด้วยการคงแบรนด์เดิมไว้ เพื่อไม่ให้สูญเสียรายได้และส่วนครองตลาด และออกแบรนด์ใหม่ที่มีความหวานลดลง ยังผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลง แต่ผู้ประกอบการก็มีการปรับตัว เช่น ปรับสูตร และใช้กลยุทธ์การตลาดมาช่วยได้บางส่วน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!