- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 September 2019 16:37
- Hits: 3081
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Maintain Domestic Defensive and Dividend Play//Short-Term Speculate Global Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องตามคาดและปิดบวกอีก 11.15 จุด ณ สิ้นวันนำโดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจากปัจจัยต่างประเทศที่ผ่อนคลายขึ้น แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศราว 2.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิเล็กน้อย 142 ลบ. (แต่ Long Index Futures สูงถึง 1.4 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,680 จุด บรรยากาศการลงทุนยังค่อนข้างผ่อนคลายหลังสหรัฐฯ-จีนเตรียมตั้งโต๊ะเจรจาการที่กรุงวอชิงตันในเดือน ต.ค. ซึ่งทำให้ตลาดคาดหวังผลลัพธ์ในเชิงบวก แต่อย่างไรก็ตามจากการเจรจาหลายครั้งที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่ายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ง่ายๆซึ่งยังต้องระมัดระวัง ประกอบกับยังมีปัจจัยสำคัญอื่นที่ต้องติดตามทั้งประเด็น Brexit ซึ่งล่าสุดนายกฯอังกฤษยังยืนกรานว่าจะไม่เลื่อนเส้นตายออก รวมถึงการประชุม FED ในช่วงกลางเดือนนี้ ระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม Global Play คาดว่ายังมีโอกาส Outperform ตลาดและสามารถเก็งกำไรได้ ขณะที่พอร์ตหลักเรายังเน้นถือหุ้น Domestic Defensive และ Dividend Playเช่นเดิมโดยจับตาการประชุมครม.เศรษฐกิจวันนี้ซึ่งอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
กลยุทธ์ : พอร์ตหลักยังเน้นถือ Domestic Defensive และ Dividend Play//เก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Global Play ระยะสั้น
หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : BCH, BJC, EPG, INTUCH, TCAP
หุ้นเด่นวันนี้: MTC
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 64 บาท
- กำลังเข้าสู่ high season ของการปล่อยสินเชื่อและยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคฐานราก รวมถึงได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง โดยหุ้นกู้ที่จะออกใหม่ในปีหน้า คาดมีดอกเบี้ยต่ำลง 0.3%
- กำไร 2H19 จะดีกว่า 1H19 นอกจากตามฤดูกาลแล้ว ยังได้ประโยชน์จากสาขาที่เปิดใหม่ในช่วงต้นปี สำหรับกำไร 3Q19 เราคาดเดินหน้าทำจุดสูงสุดต่อเนื่องที่ 1.15 พันลบ. +13% Q-Q, +20% Y-Y
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$729ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$606ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$13ล้าน และไทย US$5ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลพลิกกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหลังจีนยืนยันเข้าร่วมเจรจาทางการค้ากับสหรัฐในเดือนต.ค.นี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ภาคเอกชนสหรัฐจ้างงานเพิ่ม 1.95 แสนตำแหน่งในเดือน ส.ค. ทั้งที่กังวลเศรษฐกิจถดถอย ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 1.4 แสนตำแหน่ง และปรับตัวเลขของเดือนก่อนหน้าลงเป็น 1.42 แสนตำแหน่งจากเดิมที่รายงาน 1.56 แสนตำแหน่ง ยังต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้ ตลาดคาดเพิ่ม 1.6 แสนตำแหน่งลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่ม 1.64 แสนตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 3.7%
(+) ติดตาม ครม.เศรษฐกิจวันนี้ คาดเคาะมาตรการกระตุ้นการลงทุนและส่งออก หุ้นนิคมฯได้ประโยชน์โดยตรง AMATA, WHA, ROJNA, NNCL
(+) BEM ที่ประชุม ส.ส. มีมติเห็นชอบให้ขยายสัมปทานทางด่วนเพื่อยุติข้อพิพาททั้งหมดระหว่างบริษัทกับ กทพ. หลังจากนี้จะนำเสนอ ครม. ให้พิจารณาต่อไป ถือเป็น sentiment บวกหลังจากมีแต่ความไม่ชัดเจนมาเดือนครึ่ง ทำให้ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวแกว่งในกรอบแคบ 10.50-11.20 บาท เรายังคงราคาเป้าหมาย 11.70 บาทซึ่งรวมการต่อสัมปทานแล้ว 30 ปี แนะนำซื้ออ่อนตัว
(+) ROBINS ผู้ถือหุ้นอนุมัติการเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดฯด้วยเสียง 86% ของหุ้นทั้งหมด หลังจากนี้ CRC จะเข้าสู่กระบวนการ IPO และน่าจะเทนเดอร์ ROBINS (ในราคาหุ้นละ 66.5 บาท) ได้ในช่วงต้นปีหน้า เราแนะนำให้ไป swap หุ้นเป็น CRC
(+) LIT เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ เพราะราคาหุ้นปรับลงจนเหลือ PE เพียง 8.3 เท่าปีนี้และ 8.6 เท่าปีหน้า ขณะที่คาดว่ากำไรจะฟื้นแรงใน 2H19 เพราะเข้าสู่ฤดูกาลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ งานในมือขณะนี้ถือว่าหนาแน่น เราคาดสินเชื่อ 3Q19 โต 4-6% Q-Q, +9% YTD คาดกำไรสุทธิ 42 ลบ. +16% Q-Q, +9% Y-Y และคาด NPL ลดลงเพราะจากการ write-off โดยน่าจะลดเหลือ 9% จาก 12.8% ใน 2Q19 ราคาเป้าหมายยังคงไว้ที่ 6.20 บาท
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 372.68 จุด ปิดที่ 26,728.15 จุด หลังสหรัฐและจีนยืนยันเจรจาการค้ารอบใหม่ในเดือนต.ค. รวมถึงได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่ง และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่ปรับขึ้นเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ตามความคืบหน้าการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีน
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น รับสัญญาณบวกจากความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 56.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน มากกว่าที่ตลาดคาดที่ลดลง 3 ล้านบาร์เรล
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 34.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,525.5 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีสัญญาณบวกของการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 895.90 / -6.15 ตัน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ก.ย. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ส.ค.)
- ยูโรโซน: 2Q19 GDP
8 ก.ย. - จีน: ส่งออก-นำเข้า (ส.ค.)
9 ก.ย. - ญี่ปุ่น: 2Q19 GDP
12 ก.ย. - ยูโรโซน: ECB ประชุม, Industrial Production (ก.ค.)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
17-18 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
18 ก.ย. - ไทย: ศาลรธน.นัดวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯม ยอดขายรถ (ส.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
โดย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 6 ก.ย. 2562