ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น +11.15 จุด (+0.67%) ปิดที่ระดับ 1,669 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท ตอบรับ Brexit ที่ผ่อนคลายลงหลังสภาฯอังกฤษอนุมัติร่างกฏหมายขัดขวาง No-deal Brexit รวมถึงคาดหวังความคืบหน้า Trade war สหรัฐ-จีนหลังจะเปิดเจรจารอบใหม่ช่วงต้นเดือนต.ค.ที่กรุงวอชิงตัน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อในกลุ่ม Etron, Energy และ Petro ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 142 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,190 ล้านบาท และ Net Long TFEX จำนวน 14,433 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,675 - 1,680 จุด จาก Sentiment บวกสหรัฐ-จีนเตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่ช่วงต้นเดือนต.ค. รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในเดือนก.ค.แข็งแกร่งทั้งดัชนีภาคบริการที่ปรับตัวขึ้นสู่ 56.4 จุดและการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน 195,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมี 2 การประชุมสำคัญในช่วงกลางเดือนก.ย.ทั้ง ECB และ FOMC ที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทั้งคู่เพื่อรองรับผลกระทบ Trade war อย่างไรก็ตามควรระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังดัชนีดีดตัวขึ้นตอบรับข่าวบวกไปบ้างแล้ว ประกอบกับทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ยังไม่ไหลเข้าแบบชัดเจน

 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

- กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA) คาดที่ประชุมครม.เศรษฐกิจพิจารณาแผนกระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติม

- กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง

- หุ้น Defensive stock (AOT ,INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้: TU (ปิด 17.5 ซื้อ/เป้า 22.4) ราคาหุ้นลดลงสะท้อนความกังวลที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรฯไปแล้ว ปัจจุบันค่าเงินยูโรเริ่มฟื้นตัวหลังสถานการณ์ Brexit ของอังกฤษเริ่มผ่อนคลายขึ้นขณะที่แนวโน้มผลกำไร 3Q19 จะยังเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นจากผลบวกของต้นทุนปลาทูน่าที่ปรับตัวลง ราคาหุ้นที่อ่อนตัวจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อครั้งใหม่, MTC (ปิด 56.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 64 บาท) ราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวลบจาก NPL ที่เร่งขึ้นในช่วงสั้นไปแล้ว ขณะที่ครึ่งปีหลังและปีหน้าจะได้ผลบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงช่วยลดต้นทุนให้กับ MTC โดยปีหน้า MTC มีหนี้และหุ้นกู้ที่จะ Refinanc ประมาณ 8,700 ล้านบาท

KSS report วันนี้: -

 

ประเด็นสำคัญวันนี้:

(+) ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นตอบรับข่าวจีนและสหรัฐนัดเจรจายุติข้อพิพาททางการค้ารอบใหม่: ปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐดูผ่อนคลายขึ้นหลังจากที่วานนี้ กระทรวงพาณิชย์ ออกแถลงการณ์ว่า จีนและสหรัฐจะจัดประชุมเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าร่วมกัน โดยการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในช่วงต้นเดือน ต.ค. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะปรึกษาหารือกันในช่วงกลางเดือนนี้เพื่อเตรียมการประชุมที่จะมีขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย ปัจจัยบวกนี้ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในทุกตลาด โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 373 จุด (+1.4%) ปิดที่ระดับ 26,728 จุด

(-) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ลดลงสู่ระดับ 73.5 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน: ม.หอการค้าฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 73.6 จาก 75 ในเดือน ก.ค. นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และเป็นการลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 33 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจหลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 2/19 ออกมาขยายตัวต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส นอกจากนี้ยังกังวลกับปัญหาภัยแล้ง, ความมั่นคงของรัฐบาล และสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ยืดเยื้อ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงจะทำให้การจับจ่ายใช้สอยลดลง เป็นลบต่อกลุ่มค้าปลีก, รถยนต์ และ อสังหาฯ (ชะลอการซื้อ)

(+/-) ปัจจัยที่ต้องติตดตาม วันนี้ลุ้น ครม.เศรษฐกิจประชุมนัดที่ 2 เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และ ECB meeting ลุ้นลดดอกเบี้ยลงอีก: วันนี้ติดตาม ครม.เศรษฐกิจนัดประชุมเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นมาตรการต่อเนื่องในระยะกลางถึงยาว อาทิ โครงการ Mega project และ EEC Project เป็นบวกต่อกลุ่มนิคมฯ และ รับเหมา ส่วนสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของยุโรป (ECB) โดยตลาดมีความมั่นใจมากขึ้นว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากปัจจุบันอยู่ที่ 0% จะเป็นอัตราดอกเบี้ยติดลบ

 

นักวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน :

อาทิตย์ จันทร์สว่าง Registration No.16475

 

นักวิเคราะห์ เทคนิค และ นักกลยุทธ์:

ชัยยศ จิวางกูร Registration No. 15942

 

ผู้ช่วยนักวิเคราะห์:

ยุภาวณี เล้าตระกูลชัย

ณัฐกานต์ โพธิ์ศรี

 

โดย บมจ. หลักทรัพย์กรุงศรี ประจำวันที่ 6 ก.ย. 2562