WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS2บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Domestic Defensive and Dividend Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เปิดบวกและขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง นำโดยหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจากผลของการถูกปรับคำแนะนำขึ้น และกลุ่มแบงก์ฟื้นตัวเล็กน้อย หนุนให้ดัชนีปิดบวก 22 จุด นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.4 พันลบ. (แต่ Long Index Futures 5.65 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 4.8 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้นโดยได้แรงหนุนจากความหวังเรื่องการเจรจาการค้าหลังจีนแสดงท่าทีประนีประนอมมากขึ้น เราคาดว่า SET Index วันนี้จะแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบ 1647-48 จุด แต่เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังขาย เชื่อว่าดัชนีจะฟื้นเพียงชั่วคราว เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามในเดือน ก.ย. ทั้งการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ-จีน การประชุมธนาคารกลางต่างๆโดยเฉพาะ FED รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประเด็นทั้งปมถวายสัตย์ไม่ครบและการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของนายกฯ เราจึงยังเน้นพักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive Play ซึ่งปลอดภัยจากประเด็นดังกล่าว เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มนิคมฯ กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นต้น ขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงสามารถเก็งกำไรลุ้นการรีบาวด์หากดัชนีปรับฐานลงบริเวณ 1,590-1,600 จุด
กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Domestic Defensive และ Dividend Play//รอซื้อเก็งกำไรลุ้นรีบาวด์หากดัชนีปรับตัวลงแรงทดสอบ 1,590-1,600 จุด
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : AMATA, BCH, MINT, SAPPE, SISB
 
หุ้นเด่นวันนี้: MTC
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 64 บาท 
- การที่ธปท.ยังไม่นำมาตรการคุมภาระหนี้ต่อรายได้สูงสุด (DSR limit) มาใช้ในปีนี้ ช่วยปลดล็อคแรงกดดันกลุ่ม Consumer finance โดยตรง และเป็นจังหวะดีเพราะ 2H เป็นฤดูกาลปล่อยสินเชื่อ 
- นอกจากจะเข้าสู่ high season แล้ว MTC ยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง (ต้นทุนทางการเงินลดลง) เราคาดกำไร 3Q19 +13% Q-Q, +20% Y-Y ทำนิวไฮต่อเนื่อง
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$311ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$188ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$46ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$0.2ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่น่าจะชะลอลงหลังรัฐบาลจีนระบุว่าจีนและสหรัฐมีแผนจะเข้าเจรจากันในประเด็นมาตรการทางค้าในเดือนก.ย. นี้
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ธปท.ยังไม่ใช้ DSR ในปีนี้ มาตรการ DSR (Debt service ratio) หรือการคุมภาระหนี้ต่อรายได้สูงสุด เป็นมาตรการดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน และจะใช้กับสินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก การเลื่อนใช้ DSR ช่วยปลดล็อกความกังวลต่อหุ้นกลุ่ม Consumer finance โดยเฉพาะ 2H เป็นฤดูกาลปล่อยสินเชื่อของกลุ่มนี้ เราคาดว่าสินเชื่อใน 2H19 จะดีกว่าครึ่งปีแรก และจากการสอบถาม ทั้ง MTC, KTC, SAWAD ก่อนให้สินเชื่อ มีการเช็คเครดิตบูโรอยู่แล้ว แนะนำ MTC ซึ่งมี upside มากสุด และซื้ออ่อนตัวสำหรับ KTC (เป้า 48 บาท), SAWAD (เป้า 59 บาท)
(0) Property การเลื่อนใช้ DSR ช่วยลดแรงกดดันต่อผู้ประกอบการกลุ่มกลาง-ล่างซึ่งพึ่งพาสินเชื่อเป็นหลัก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นเช่น แข่งขันสูง ดีมานด์ชะลอทั้งชาวไทยและต่างชาติ และ LTV ยังอยู่ การฟื้นตัวของกำไร 2H19 เป็นไปตามฤดูกาลแต่ยังไม่สู่จุดเดิม แนะนำซื้อเพียง LH (เป้า 13 บ.), ORI (เป้า 10.1 บ.)
(0) RS เราปรับกำไรปกติปีนี้ลง 9% เหลือโต 12% จากกำไร 2Q19 ที่ต่ำคาดและการฟื้นใน 2H19 น้อยกว่าคาดแต่ก็ดีกว่า 1H19 จากการเพิ่มสินค้า เพิ่มช่องทางเป็น online ผ่านเฟสบุกมากขึ้น ส่วนเรทติ้งของทีวี ค่อยๆดีขึ้นหลังปรับผังรายการ (แต่ยังต่ำกว่าปีก่อน) การมี BTS ถือหุ้น 7.2% น่าจะเห็น synergy ปีหน้า เราปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 17.50 บาทจาก 19 บาท แนะนำถือ 
(-) XO แนวโน้ม 3Q19 ยังไม่ดีขึ้น แม้ว่าลูกค้าที่อังกฤษกลับมาสั่งซื้อเพิ่มขึ้น (แต่ยังตำกว่าปีก่อน) แต่ภาพรวมการขายที่ยุโรปชะลอลง สาเหตุหลักจากปัญหาค่าเงิน การใช้กำลังการผลิตลดลง บวกกับมีส่วนลดให้ลูกค้าในงาน Thaifex เราอยู่ระหว่างปรับลดกำไรปละราคาเป้าหมาย แนะหลีกเลี่ยงตามเดิมจนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของผลประกอบการ
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 326.15 จุด ปิดที่ 26,362.25 จุด เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังรัฐบาลจีนยืนยันว่ากำลังหารือกับสหรัฐเกี่ยวกับการจัดประชุมเพื่อเจรจาการค้าในเดือนก.ย. พร้อมประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐอย่างสงบ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก รับปัจจัยบวกจากการเดินหน้าเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงการปรับขึ้นของตลาดหุ้นอิตาลี
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากการส่งสัญญาณเชิงบวกของรัฐบาลจีน
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ ปิดที่ 56.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงอย่างมากในสัปดาห์ก่อน รวมถึงความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 12.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,536.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์
 
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 880.36 / -2.05 ตัน
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 ส.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
31 ส.ค. - จีน: Composite PMI (ส.ค.)
1 ก.ย. - สหรัฐ-จีนเริ่มขึ้นภาษีล็อตใหม่
2 ก.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- จีน: Caixin PMI Manufacturing (ส.ค.)
3 ก.ย. - เกาหลีใต้: 2Q19 GDP
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ส.ค.)
4 ก.ย. - จีน: Caixin PMI Services (ส.ค.)
- สหรัฐ: Fed Beige Book
 
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 30 ส.ค. 2562
 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!