- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 August 2019 15:22
- Hits: 2089
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
-------------
Market Outlook
• วันนี้มอง SET Index แกว่งSideway ในกรอบ 1,605-1,625 จุด มองปัจจัยในประเทศเป็นบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการพิจารณาเพิ่มมาตรการเพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนช่วงปลายสัปดาห์อย่างไรก็ดีต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าที่ยังคงกดดันตลาดอยู่ หลังเข้าใกล้ช่วงเวลาบังคับใช้การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าของคู่พิพาททั้งสองฝ่าย
• Market Factor
• (+) สัญญาน้ำมันดิบWTI และBrent วานนี้ปิดบวก1.6%DoD และ 1.7%DoD ตามลำดับหลัง EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรลมากกว่าตลาดคาดที่ระดับ 2.1 ล้านบาร์เรลส่งผลเชิงบวกในระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนี S&P500 วานนี้ปิดบวก 1.4%DoD อย่างไรก็ดียังมีประเด็นสงครามการค้าที่ยังคงกดดันตลาดอยู่
• (+) ครม.เศรษฐกิจเตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นลงทุนผ่าน BOI และมาตรการกระตุ้นการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ พร้อมเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเร่งการลงทุนภาครัฐให้ ครม.เศรษฐกิจพิจารณาราวกลางเดือน ก.ย.62 (สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 100.85 บาท หรือลดลง 12.41%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,166.2 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 52,825.51 ลบ. (สวนทางกับรายย่อยและสถาบันที่ซื้อสุทธิรวมกัน 61,882.42 ลบ.)
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เรายังมีมุมมองเป็นลบ โดยประเมินกรอบ SET Index รายสัปดาห์ จะเปิด Downside Risk ลงมาที่แนวรับที่ 1,590 และแนวต้าน 1,640 จุด โดยมีปัจจัยต่างประเทศยังคงกดดันหลังประเด็น Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังมีความไม่แน่นอนต่อเนื่อง โดยเราแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน ถือ เงินสดมากขึ้น และแนะนำเลือกหุ้นรายตัวโดยทยอยเก็บเข้าพอร์ตในหุ้นหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำปีก่อนจะหนุนSSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (แม้ช่วง 2Q62 กำไรปกติหดตัว แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม. อีกทั้งมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ก.ค. โต 5.8%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับPMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ) และ ARROW (ช่วง 2Q62 กำไรโต YoYหลังมาร์จิ้นเริ่มฟื้นตัวจากต้นทุนเหล็กที่ลดลงและนโยบายการปรับราคาขายที่ดี จึงปรับเพิ่มประมาณการคาดปี 62 กำไรทั้งปีโต 10.3%YoY)
28-Aug-19 Change (pts.) 27-Aug-19
SET Index 1,616.93 1.46 1,615.47
SET50 Index 1,066.21 0.92 1,065.29
SET100 Index 2,357.06 3.39 2,353.67
High 1,624.27 Gainers 694
Low 1,615.19 Unchanged 583
Value (Bt m) 46,463.78 Losers 690
Volume (*000) 15,468,187
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.9 14.3 14.3
EPS Growth (%) 13.9 9.3 1.8
EV/EBITDA (x) 10.9 10.0 9.6
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.5 3.7
ROE 11.0 11.2 11.2
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 28-Aug-19 WTD MTD YTD
Institution 1,437.64 (2,165.02) 27,525.13 24,347.93
Proprietary (935.29) (626.82) (9,056.91) 9,480.04
Foreign (1,166.20) (4,286.14) (52,825.51) 7,877.29
Individual 663.85 7,077.98 34,357.30 (41,705.26)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary