- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 August 2019 15:08
- Hits: 3850
Daily Strategy : บล.คันทรี่ กรุ๊ป
Daily View
คาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1627 - 1639 โดยมองว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะรอผลการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ณ เมือง Jackson Hole ที่มีกำหนดการประชุมในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งจุดน่าสนใจคงหนีไม่พ้นการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดนาย เจอโรม พาวเวล ว่าจะส่งสัญญาณต่อแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐในระยะถัดไปอย่างไร หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง อาทิ เมื่อคืนที่ผ่านมา IHS Markit ที่เป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจการทำธุรกิจของอังกฤษ ได้เปิดเผยภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐพบว่าในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 49.9 หากอิงข้อมูลจาก Trading Economic ที่มีการเก็บข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาจะพบว่าระดับดังกล่าวเป็นระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์และต่ำกว่าระดับ 50 บ่งบอกถึงภาคการผลิตมีการหดตัวลง ดังนั้นหากประธานเฟดยังคงส่งสัญญาณถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินอยู่เราเชื่อว่าจะช่วยจำกัด Downside Risk ของตลาดหุ้นผ่าน Earnings Yield Gap ซึ่งหากอิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าให้โอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ราว 96% และ 0.50% ราว 4% สำหรับการประชุมเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้
Daily Strategy
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นในหุ้นที่ผลประกอบการ 2Q19 ออกมาเติบโตโดดเด่น (ADVANC BJC CPALL DTAC PLANB SAPPE) ส่วนนักลงทุนที่เน้นถือระยะกลางขึ้นไปเรายังคงแนะนำกลุ่มโรงพยาบาล (BCH CHG) ด้วยปัจจัยฤดูกาลที่ชัดเจนประกอบกับมี Upside ในอนาคตจากการที่ประกันสังคมอาจจะปรับขึ้นค่าหัวต่อประชากรซึ่งจะส่งผลให้โรงพยาบาลที่รับประกันสังคมมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมถือครองเงินสด 60-70% เช่นเดิม
TPCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.7 บาท) เราคาดแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรกหลังโรงไฟฟ้า 5 ใน 6 โรง ได้ทำการปิดซ่อมบำรุงไปช่วงครึ่งปีแรก นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มกำไรด้วยการจัดซื้อวัตถุดิบในการผลิตเองจากเดิมที่ใช้ Out Source เบื้องต้นเราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโต 12.7%YoY และ 53.3%YoY สำหรับผลประกอบการงวด 19FY และ 20FY ตามลำดับ
CHG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.53 บาท) แม้ผลประกอบการ 2Q19 จะไม่น่าประทับใจนัก (-31%YoY -31%QoQ) ตามการขาดทุนของการเปิดโรงพยาบาลใหม่ที่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนรวมถึงการบันทึกค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานจำนวน 37 ลบ. อย่างไรก็ตามด้านการขาดทุนของโรงพยาบาลใหม่นั้นผู้บริหารได้ให้ข้อมูลว่าปัจจัยดังกล่าวจะค่อยๆคลี่คลายลงพร้อมประเมินว่า จุฬารัตน์ 304 จะคุ้มทุนภายในสิ้น 3Q19 ส่วนประเด็น Upside อนาคตของการปรับขึ้นราคาประสังคมทางบริษัทไม่ได้คาดเพียงแต่เผยว่าปัจจุบันครบรอบ 2 ปีของระยะเวลาการปรับขึ้นแล้ว
Analyst : Sittidath Prasertrungruang
Registration No. 17618
Tel. +66 2205 7000 ext. 4400
Assistant Strategist : Vathan Jitsomnuk