- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 August 2019 16:14
- Hits: 2230
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ต่างประเทศเป็นบวก ส่งออกไทย ก.ค. ดีเกินคาด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +12.67 จุด ปิดที่ 1638.24 จุด มูลค่าการซื้อขายทรงตัวเป็น 56.9 พันล้านบาท ดัชนีฯ ปรับขึ้นดีกว่าภูมิภาค ตลาดตอบรับทางบวก หลังตัวเลขส่งออก ก.ค.ดีกว่าคาด สูงสุดในรอบ 5 เดือน ผู้ซื้อสุทธิคือ ต่างชาติ และโบรกเกอร์ ส่วนขายสุทธิเป็นรายย่อย และสถาบัน ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 46.8 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ต่างประเทศโดยรวมไปในทางบวก ส่งออกไทย ก.ค.เพิ่ม สร้างความหวังใหม่ รายงานประชุมเฟด ก.ค.บ่งชี้มีโอกาสลดดอกเบี้ยหรือปรับลดมากกว่าเดิม ขณะที่ประชุมเฟดที่ Jackson Hole เริ่มพรุ่งนี้แล้ว ยอดขายบ้านมือสอง สหรัฐ ก.ค.เพิ่มขึ้นดี ส่งออกไทย ก.ค.ดีกว่าคาด ยังมีโมนตัมที่ดี เช้านี้เพื่อนบ้านส่วนใหญ่บวก บาทแข็ง วานนี้ต่างชาติกลับมาซื้อครั้งแรก ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้น ดัชนีความกังวล (Vix) ปรับลง ด้านข่าวลบคือ อังกฤษยังมีความเสี่ยงBrexit ไร้ข้อตกลง น้ำมันแกว่ง WTI ลด แต่ Brent เพิ่มได้ และบอนด์ยิลด์ 10 ปีกลับมาลดลงเป็น 1.5838% แต่ 2 ปี กลับเพิ่มขึ้นเป็น 1.5651% แต่ไม่ถึงกับเกิดInverted Yield Curve
# ระยะสั้นคาด SET-อาจมีโมเมนตัมไปต่อได้ จากปัจจัยต่างประเทศโดยรวมที่ไปในทางบวก และส่งออกไทย ก.ค.เพิ่ม สร้างความหวังขึ้นมาใหม่ คาด SET อยู่ในกรอบ 1630-1650 จุด กลยุทธ์ คือ ซื้อสะสม แนวต้านเป็น 1640-1660 จุด แนวรับที่ 1590-1580 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play พื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พาณิชย์- CPALL, BJC ท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT อาหาร CPF,TU,TKN
สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP,TISCO, TCAP การแพทย์- RJH,CHG และสื่อ- VGI แต่หุ้นรับเหมาฯ ระยะนี้ควรชะลอลงทุน เพราะ กำไร 2Q62 ส่งสัญญาณไม่ดีและเมกะโปรเจ็กต์ขาดช่วง ด้านการที่กลุ่ม CP ฟ้องศาลไม่สำเร็จ ยังไม่สามารถเข้าประมูลอู่ตะเภาได้ ส่งผลให้การลงนามไฮสปีดเทรนล่าช้า และกระทบต่อ CK ให้ได้งานช้าไปด้วย แต่อีก 2 กลุ่มที่เหลือกลับมามีโอกาสได้อู่ตะเภาคือ 1) กลุ่ม BTS,STEC.BA และ 2) AAV,CNT,GRAND
# Stock Pick Today : AMATA ยอดขาย (presales) นิคม 2Q62 เพิ่มดี 27% y-o-y เป็น 166 ไร่ ส่วนยอดขายรวม 1H62 เป็น 294 ไร่ เป็นสัดส่วน 31% เทียบกับเป้าขายบริษัทที่ 950 ไร่ แนวโน้มเป็นบวก คาดว่าได้ประโยชน์สงครามการค้า สหรัฐ-จีน มีการย้ายฐานการผลิตมาไทยคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 26.00บาท คิดเป็นส่วนลด 30% จาก NAV ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้ไม่มาก 3% แต่เทียบ NAV ยังถูก
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนกลับเป็นบวก {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10 วัน”อีกครั้ง (แต่ยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (แรงหนุน“เดิม”ของสภาวะOversold ในกราฟรายวัน +SMA10) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 – 1640 – 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1630” (แนวรับย่อย“1590 – 1580 / 1560” จุด}
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น JMT,ROJNA,BGRIM,VGI,STA ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ DIF,TQM หุ้นที่หลุด SCCC และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น GPSC,RATCH,PLANB
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มท่องเที่ยว : ก.ท่องเที่ยวฯปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวปี 62F ลง
STOCK in Focus : CHG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.70)
Company Guide : CK (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 28.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: รายงานเฟด ก.ค.บ่งชี้การปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่าเดิม
# คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้อภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าเดิม โดยกรรมการบางส่วนเสนอให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% เพื่อกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้ดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟด และยับยั้งผลกระทบจากข้อพิพาทการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก
# รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า การที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น มีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเกินไป และป้องกันความเสี่ยงที่การลงทุนในภาคธุรกิจจะทรุดตัวลงมากขึ้น อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการด้านภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
+/- เฟด: ติดตามสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล เริ่ม 23 ส.ค.62
# นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 23 ส.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะใช้เวทีการประชุมดังกล่าว เพื่อส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขณะที่มีการคาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
+ สหรัฐ: ยอดขายบ้านมือสอง ก.ค.62 เพิ่มขึ้น
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้เปิดเผยไปแล้วเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR)เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 5.42 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 0.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว
-อังกฤษ: อาจจะเกิด Brexit แบบไร้ข้อตกลงอีกครั้ง
# นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit โดยล่าสุด นายเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ต้องการรื้อฟื้นการเจรจาข้อตกลง Brexit อีกครั้งหนึ่งรวมทั้งให้ยกเลิกนโยบาย backstop ถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ยังคงมีผลบังคับใช้ในขณะนี้
# ทางด้านนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า เยอรมนีจะให้เวลาอังกฤษ 30 วันในการเสนอทางเลือกอื่นเพื่อเป็นทางออกต่อนโยบาย backstop
# ทั้งนี้ นโยบาย backstop เป็นนโยบายในการรับประกันว่า จะไม่มีการกลับไปใช้มาตรการควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดระหว่างไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร กับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกของ EUโดยที่ผ่านมา กลุ่มผู้สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวจาก EU ต่างมีความกังวลว่า การใช้นโยบาย backstop จะเป็นการผูกมัดให้อังกฤษจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของ EU อย่างไม่มีกำหนด
+ ดาวโจนส์: ปรับขึ้น รับผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกออกมาดี และรายงานประชุมเฟด
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,202.73 จุด พุ่งขึ้น 240.29 จุด หรือ +0.93% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,924.43 จุด เพิ่มขึ้น 23.92 จุด หรือ +0.82% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,020.21 จุด เพิ่มขึ้น 71.65 จุด หรือ +0.90%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงทาร์เก็ต และโลว์ส รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดบางส่วนได้เสนอให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% เพื่อป้องกันผลกระทบจากข้อพิพาทการค้า
-/+ น้ำมัน: WTI ปรับลง แต่ Brent ปรับขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 55.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 60.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ซบเซาและผลกระทบของสงครามการค้า
• ทองคำ: ทรงตัว รอผลเฟด
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดทรงตัวที่ 1,515.70 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) โดยสัญญาทองคำปรับตัวในกรอบแคบๆ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.
• ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ พาณิชย์ เผยส่งออก ก.ค.กลับมาฟื้นเป็นบวกครั้งแรกและสูงสูดในรอบ 5 เดือน
# สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนก.ค.62 โดยระบุว่าการส่งออกมีมูลค่า 21,205 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 4.28% จากตลาดคาดแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 21,094.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 1.67% เกินดุลการค้า 110.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯได้ประโยชน์จากการส่งออกทองคำที่มาก และทดแทนการส่งออกจากจีนไปสหรัฐ
# ทั้งนี้ หากมูลค่าการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 21,750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน ก็จะส่งผลให้การส่งออกทั้งปีนี้ไม่ติดลบแน่นอน
# ผลกระทบ: หากไม่นับการส่งออกทองคำ การส่งออก ก.ค.62 ยังเติบโตได้ 1.55% y-o-y ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
-/+ รมว.ท่องเที่ยว ปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวปีนี้เหลือ 39-39.8 ล้านคน
# รมว.ท่องเที่ยว ปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวปีนี้เหลือ 39-39.8 ล้านคน จากเดิมที่ 40.2 ล้านคน หลังแนวโน้มศก.โลกชะลอ รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่ามาก
# หากประเมินในช่วงครึ่งปีหลังก็คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลของการท่องเที่ยวและมีมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมา เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์กลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะเน้นโรงแรมในประเทศแนะนำซื้อ คือ ERW ราคาพื้นฐาน 7.30 บาท และ ถือ CENTEL ราคาพื้นฐาน 35.00 บาท ส่วน MINT ได้ประโยชน์จาก NHHotel มีกำไรพิเศษจากการขายและเช่ากลับ 3 โรงแรม ที่โปรตุเกส แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 46.00 บาท
+ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาด กนง.ปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งใน 4Q62
# ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มั่นใจว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ อีก 0.25% เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่ยังต่ำอยู่ จึงจำเป็นที่ต้องดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลังแบบผ่อนคลายไปพร้อม ๆ กัน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]