- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 August 2019 17:01
- Hits: 4303
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : กลุ่มยานยนต์ ปี 62 เติบโตได้ 2-3%...รถยนต์ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด และ EV มาแรงขึ้น
กลุ่มยานยนต์
ปี 62 เติบโตได้ 2-3%...รถยนต์ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด และ EV มาแรงขึ้น
• ยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วง 1H62 เติบโต 7.1%YoY เป็น 523,770 คัน เนื่องจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆและค่ายรถยนต์ออกเคมเปญส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะการสนับสนุนให้สินเชื่อเช่าซื้อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
• แนวโน้มยอดขาย 2H62 ยังเติบโตได้แต่ในอัตราที่น้อยลง การขยายตัวมาจากการที่ค่ายรถยนต์เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อีกหลายรุ่นและเร่งทำการตลาด แต่การเติบโตจะน้อยลงกว่าครึ่งปีแรก เพราะกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง, ฐานยอดขายของ 2H61 สูงขึ้น, ธปท.จะเข้มงวดเรื่องการก่อหนี้ของครัวเรือนมากขึ้น โดยจะออกเกณฑ์ DSR ภายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อมากขึ้น คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้จะขยายตัวเพียง 2-3% จากปี 61 ที่มียอดขายรวม 1,041, 739 คัน
• รถยนต์ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด และ EV จะมาแรงขึ้น เพราะเป็น Trend ของโลกที่จะหันมาใช้รถยนต์ที่ปล่อยมลภาวะต่ำ บางค่ายรถยนต์ เช่น MG ได้เปิดตัวขายรถยนต์ EV 100% ในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ สถานีบริการชาร์ตแบตฯมีมากขึ้น ระยะเวลารับประกันแบตฯนานขึ้นเป็น 5-8 ปี และราคาแบตฯก็ต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้รถยนต์ EV จึงได้รับความสนใจมากขึ้น
• ราคารถยนต์สันดาป 100% มือสองลดลงต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากใกล้จะสิ้นสุดสายการผลิตรถยนต์ประเภทนี้แล้วค่ายรถยนต์ต่างๆ หันมาผลิตรถยนต์ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้ากันแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ กล่าวคือ มีโอกาสจะเกิดผลขาดทุนจากรถยึดสูงขึ้น ทางออกคือ พยายามปรับโครงสร้างหนี้ ขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้กับผู้กู้ให้ได้มากที่สุด
• หุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจรถยนต์และเช่าซื้อที่โดดเด่นเป็น EA และ KKP โดยขณะนี้ EA มียอดจองซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว 4.5 พันคัน เริ่มส่งมอบปี 63, ติดตั้งสถานีชาร์ตแบตรถไฟฟ้าแล้ว 800 แห่ง และโรงงานแบตเตอรี่จะสร้างเสร็จสิ้นปีนี้ เริ่มจำหน่ายในไตรมาส 2/63 ส่วน KKP เราคาดว่าจะมีสำรองผลขาดทุนจากรถยึดน้อยลงใน 2H62 หลังจากทำไปมากใน 1Q-2Q62 และรับรู้รายได้ค่า Fee จากธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินมากขึ้น ธนาคารจ่ายปันผลสูง คาดการณ์Dividend yield ไว้ที่ 7% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
• วิเคราะห์ทางเทคนิค : สำหรับ EA แนะนำซื้อตามเมื่อราคาหุ้นยืนเหนือ 50 บาทได้อย่างมั่นคง กรณีนี้มีแนวต้าน53-55, 60 บาท แต่หากราคาหุ้นอ่อนตัวลงจะมีพื้นที่แนวรับ 45-40 บาท ทางด้าน KKP มีพื้นที่แนวรับระยะสั้น 70-69บาท แนวต้าน 72+/- (73-74) บาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]