- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 August 2019 17:00
- Hits: 4204
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ปัจจัยต่างประเทศอ่อนลง ต่างชาติขายทุกวัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -11.69 จุด ปิดที่ 1625.57 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางเป็น 56.9 พันล้านบาท ดัชนีฯ ปรับลงสวนทางภูมิภาคที่ปรับขึ้นเล็กน้อย มีแรงขายทำกำไร หลังรับรู้ข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และปัจจัยต่างประเทศดีขึ้นไปแล้ว ขณะที่ต่างประเทศขายต่อเนื่อง ผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อยสถาบัน และโบรกเกอร์ ส่วนขายสุทธิรายเดียวเป็นต่างชาติ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 47.6 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ลบจากปัจจัยต่างประเทศที่อ่อนลง เกิดแรงขายทำกำไร บอนด์ยิลด์ระยะยาวกลับมาลด ดาวโจนส์กลับมาปรับลง หลังขึ้นมาติดกัน 3 วันนักลงทุนกังวลทรัมป์แทรกแซงเฟด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับลงถ้วนหน้า เงินบาทอ่อน มีเงินไหลออก ดัชนีความกังวล (VIX) ปรับขึ้นเป็น 17.5 จุด ด้านปัจจัยลบเดิมๆคือ ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง MSCI ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทย และดัชนีเป้าหมายถูกปรับลง หลัง 2Q ไม่ดี ด้านปัจจัยบวกคือ สหรัฐอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษีเงินเดือน ส่วนดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าเช้านี้กลับปรับตัวดีขึ้น
# ระยะสั้นคาด SET-ผันผวนช่วงแคบ ปัจจัยต่างประเทศ อ่อนลง เกิดแรงขายทำกำไร บอนด์ยิลด์ระยะยาวกลับมาลด ยังมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ คาด SET อยู่ในกรอบ 1620-1640 จุด กลยุทธ์ คือ ซื้อสะสม แนวต้านเป็น 1630-1650 จุด แนวรับที่ 1590-1580 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play พื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พาณิชย์- CPALL, BJC ท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT อาหาร CPF,TU,TKN สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP,TISCO, TCAP การแพทย์- RJH,CHG และสื่อ- VGI แต่หุ้นรับเหมา ระยะนี้ควรชะลอลงทุน เพราะ กำไร 2Q62 ส่งสัญญาณไม่ดีและเมกะโปรเจ็กต์ขาดช่วง ส่วนวันนี้คาด SUEREIF เข้าซื้อขายวันแรก จะมีการซื้อขายคึกคัก เพราะปันผลสูง และธุรกิจมีความผันผวนน้อย ด้าน BEM อ่อนลง จากปัจจัยจิตวิทยา แพ้ประมูลมอร์เตอร์เวย์ให้กับกลุ่ม BGSR แม้มีประสบการณ์ทางด่วนมาก่อน และหุ้นท่องเที่ยวกระทบจากการไม่อนุมัติการยกเว้นตรวจวีซ่าจีน-อินเดีย
# Stock Pick Today : AP เราคาดว่า 2Q62 ที่ลดลงเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้แล้ว สืบเนื่องจากเริ่มใช้เกณฑ์ LTV ใหม่ตั้งแต่ 1 เม.ย. และมีวันหยุดที่มากระหว่างไตรมาส2 อีกทั้งได้เร่งโอนก่อน LTV ไปตั้งแต่ 1Q62 แล้ว ข้อดีคือ มียอดขายรอโอนมาก จะช่วยรับประกันรายได้เป็นอย่างดี และจะมีการโอนมากใน 2H62 โดยเฉพาะในนามบริษัทร่วมทุน คำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานที่ 7.90 บาท ปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี 4.9%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนกลับเป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10 วัน”ต่อเนื่อง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง– ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก” (แรงหนุน“เดิม”ของสภาวะOversold ในกราฟรายวัน)อาจจะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 – 1640 (หรือ 1650) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1620” (แนวรับย่อย “1590 – 1580 / 1560” จุด}
สำ ห รับ ก าร Scan หุ้น ที่มีโอ ก าส ทำ New high ที่เข้าม าให ม่เป็น RATCH,TQM,PLANB ที่ยังค งอ ยู่ใน List ได้แก่ DIF,SCCC,GPSC หุ้น ที่ห ลุดPTT,PTTGC,BEM,AOT และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น COM7,CPF,AP
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มยานยนต์ : ปี 62 เติบโตได้ 2-3%...รถยนต์ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด และ EV มาแรงขึ้น
Stock in Focus : DIF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 19.40)
Flash Note : SIRI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 1.15)
In The News : ( -ราคาพื้นฐาน )
New Listing : 7UP-W4, SUPEREIF
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: อาจมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลดภาษีเงินเดือน
# นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า รายงานข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกำลังหารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราภาษีเงินเดือน เพื่อความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
- สหรัฐ : ทรัมป์แทรกแซงเฟด ทำให่นักลงทุนขาดความมั่นใจ
# การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่คณะทำงานของปธน.ทรัมป์มีต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ
-สหรัฐ: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงอีกครั้ง กังวลเศรษฐกิจ
# ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.)หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
+/- เฟด: ติดตามสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล เริ่ม 23 ส.ค.62
# นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 23 ส.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะใช้เวทีการประชุมดังกล่าว เพื่อส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขณะที่มีการคาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
- ดาวโจนส์: ปรับลง มีแรงขายทำกำไร หลังปรับขึ้นติดกันหลายวัน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,962.44 จุด ลดลง 173.35 จุด หรือ -0.66% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,900.51 จุดลดลง 23.14 จุด หรือ -0.79% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,948.56 จุด ลดลง 54.25 จุด หรือ -0.68%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น จากสต็อกน้อยและความไม่สงบในซาอุดิอาระเบีย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 56.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 60.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ส.ค. นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน
- ทองคำ: ปรับขึ้น หลังตลาดหุ้นปรับลง และดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.1 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่1,515.70 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนแรงลง นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ
• ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต,ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• ที่ประชุม ครม.อนุมัติชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 3.16 แสนล้านบาทวานนี้
# ที่ประชุม ครม.อนุมัติชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 3.16 แสนล้านบาท คาดช่วยดัน GDP ปีนี้ให้โตไม่ต่ำกว่า 3%ประกอบด้วย 3 มาตรการหลัก ได้แก่ 1. มาตรการบรรเทาค่าครองชีพผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกองทุนหมู่บ้าน 2.มาตรการเพื่อบรรเทาค่าครองชีพสำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง ปี 2562 และเกษตรกรรายย่อย 3. มาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ
# ผลกระทบ: ตลาดไม่ตอบรับทางบวก เพราะได้รับข่าวดีไปก่อนหน้าแล้ว
+ สศค.ยังมีมุมมองที่ดีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
# สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ถึง 3.5% หลังจากการติดตามสถานการณ์ช่วงก่อนหน้านี้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 62 จะขยายตัวได้แค่ 3% ชะลอตัวลงจากปี 61 ที่ขยายตัวได้ 4.1% จากปัจจัยอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัวลงเป็นสำคัญ อันเป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการตอบโต้ทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปีนี้มีแนวโน้มหดตัวลง -0.9%
# สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเสถียภาพเศรษฐกิจในประเทศนั้น คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ จะอยู่ที่ 1% ลดลงจากปีก่อน ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลง ขณะที่เสถียภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 33.3 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 6.1% ของ GDP
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]