WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
“วันนี้เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่อนคลาย LTV”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -15.42 จุด ปิดที่ 1604.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 100.9 พันล้านบาท มีทำ Big Lot หุ้น INTUCH ดัชนีฯปรับลงตลอดทั้งวันไปทำยอดต่ำสุดที่ 1590.6 จุด กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังเกิดภาวะ Inverted Yield Curve มีแรงขายกลุ่มรับเหมามาก หลัง2Q62 กำไรต่ำคาด ผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 8.1 พันล้านบาท รายย่อย 3.7 พันล้านบาท ส่วนขายสุทธิรายเดียวเป็นต่างชาติ 11.9 พันล้านบาท ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเป็น 35.4 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: บวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่อนคลาย LTV ช่วยผู้กู้ร่วมซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ไม่ติดไปกับผู้กู้ตรง จีนมีทีท่าอ่อนข้อสงครามการค้ามากขึ้น จากก่อนหน้าจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐ ตัวเลขยอดค้าปลีก ก.ค.สหรัฐดีกว่าคาด ดัชนีดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้น แต่ปัจจัยถ่วงคือ มีข่าวลูกหนี้ AH ไม่จ่ายหนี้ กังวลต่างประเทศขายหุ้น หลังเทมาเส็กขายหุ้น INTUCH น้ำมันกลับมาปรับลง บาทอ่อน ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสหรัฐยังปรับลงกังวล Inverted Yield Curve
# ระยะสั้นคาด SET-ลุ้นรีบาวด์ มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยอสังหาฯ คาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นอสังหาฯ Top Pick AP,ORI หลังธปท.ผ่อนคลาย LTV หลักทรัพย์ได้ประโยชน์ลดดอกเบี้ย อสังหาฯ เช่าซื้อ และหุ้นมีหนี้เงินกู้มาก ดอกเบี้ยจะลด กลยุทธ์ คือ ซื้อสะสม แนวต้านเป็น 1610-1630จุด แนวรับที่ 1590-1580 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว ส่วนเป้าหมายดัชนีระยะยาวอาจมีการปรับลง หลังประกาศงบ 2Q62 ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play พื้นฐานดี แต่หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK,STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHAท่องเที่ยว- MINT ขนส่ง AOT สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP,TISCO, TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHG และ RJH
# Stock Pick Today : CPALL กำไรหลัก 2Q62 เป็นไปตามคาด เติบโตดี y-o-y เป็น 5.4 พันล้านบาท (+12.5% y-o-y,-6.7% q-o-q)แรงสนับสนุนจากทั้ง CVS และ MAKRO คาดว่า 2H62 ยังเติบโตเป็นบวกต่อเนื่อง เพราะการขยายสาขาเพิ่ม รวมยอดสะสมของ CVS ณ สิ้น2Q62 เป็น 11,528 สาขา และการเติบโตจาก SSSG ด้าน MAKRO ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากไทยและต่างประเทศ คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 92.50 บาท ด้วยวิธี DCF คาดเมื่อ SET ฟื้นตัวได้ CPALL จะกลับมา เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานชั้นนำในกลุ่มพาณิชย์
 
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบแรง”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่สามารถลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆ(ทั้งก่อนลง/หรือหลังลงแล้ว)ได้ (มีสภาวะ Oversold ในกราฟรายวัน ในระดับที่มีนัยสคัญ“หนุน”) แนวต้าน (กรณี“ขึ้น”ก่อน) 1610 – 1620 (หรือ 1630) จุด {แนวรับย่อย “1590 – 1580 / 1560”จุด} สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High เข้ามาใหม่คือNETBAY หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ SCC,BBL,KBANK,PTT,COM7,DIF,CPF หุ้นที่หลุดลิสต์ คือ - หุ้นที่ควร Take Profit คือ -
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
 
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : AIMIRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 15.40)
COM7 (ถือ -ราคาพื้นฐาน 25.00)
Flash Note : BA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 16.40)
BOFFICE (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 15.00)
LH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 11.20)
SIRI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 1.15)
TKN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.00)
Keytakeaway : TASCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 25.00)
In The News : กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : การลดดอกเบี้ย MOR & MRR เป็นลบระยะสั้น...แต่ไม่รุนแรง
 
 
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นดี สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพุ่งขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง0.3% โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนมิ.ย.
 
+ สหรัฐ : วอลมาร์ท กำไรดีเกินคาด
# ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทวอลมาร์ท โดยกำไรในไตรมาส 2 ของบริษัทอยู่ที่
ระดับ 1.27 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นวอลมาร์ทปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.1% เมื่อคืนนี้
 
+ สงครามการค้า: จีนมีทีท่าอ่อนลง
# นักลงทุนจับตาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ระบุว่าจีนหวังว่าจะสามารถพบสหรัฐครึ่งทางในประเด็นการค้า และดำเนินการตามข้อตกลงที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายบรรลุในการประชุมที่นครโอซากา ขณะเดียวกันก็พยายามมองหาแนวทางที่ยอมรับได้ร่วมกัน ผ่านทางการหารือกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน และการเคารพซึ่งกันและกัน
# แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจีนถือเป็นการแสดงท่าทีที่อ่อนข้อลงของจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังของจีนแถลงว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็นต่อการที่สหรัฐประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน10% วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์
 
+ ดาวโจนส์: ฟื้นตัวเล็กน้อย หลังตัวเลขค้าปลีกดีเกินคาด
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,579.39 จุด เพิ่มขึ้น 99.97 จุด หรือ +0.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,847.60 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด หรือ +0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,766.62 จุด ลดลง 7.32 จุด หรือ -0.09%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ รวมทั้งผลประกอบการที่สดใสของบริษัทวอลมาร์ท อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างซิสโก้ ซีสเต็มส์ ร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากยอดขายที่ตกต่ำในประเทศจีน
 
- น้ำมัน: ปรับลง สต็อคน้ำมันเพิ่ม กังวลเศรษฐกิจชะลอ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 76 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 54.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 58.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากจีนขู่ว่าจะตอบโต้สหรัฐที่ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
 
- ทองคำ: ปรับขึ้นดี กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่1,531.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของสัญญาทองคำ
 
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้
# นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.
 
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ รมว.คลัง สร้างความเชื่อมั่นต่อคณะสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง
# รมว.คลัง ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อคณะสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) ว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง และสามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดี ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมมาตรการเศรษฐกิจด้านต่าง ๆอย่างเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศให้สามารถเดินหน้าอย่างต่อเนื่องต่อไป
 
+ ธนาคารปรับลดเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ ยังไม่ปรับดอกเบี้ยฝาก ทำให้ส่งผลบวกสุทธิต่อระบบ
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับลดเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ลง แต่ยังไม่ได้ปรับดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้ส่งผลบวกสุทธิต่อระบบเศรษฐกิจและภาคธุรกิจผ่านต้นทุนทางการเงินที่ลดลง เนื่องจากสามารถช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับทั้งลูกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อย รวมประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาทต่อปี คิดเป็นผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.1% ของ GDP
# ล่าสุดธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามมาแล้ว
 
+ SPALI คาด อาจมีมาตรการผ่อนปรน LTV ในอนาคต ช่วยเสริมอุปสงค์
# นายไตรเดชะ จาก SPALI กล่าวถึงมุมมองเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะผ่อนคลายเกณฑ์มาตรการ LTVในส่วนของผู้กู้ร่วมและผู้ค้ำประกันที่จะสามารถซื้อที่อยู่อาศัยของตนเองหลังแรก และไม่ถูกนับเข้าเกณฑ์เงื่อนไขสัญญาที่2 ที่ต้องเพิ่มเงินดาวน์เป็น 20% นั้น จากปัจจุบันที่เกณฑ์ LTV ส่งผลกระทบต่อผู้กู้ร่วมและผู้ค้ำประกัน บางรายอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผ่อนชำระกับผู้กู้ แต่เมี่อไปซื้อที่อยู่อาศัยของตนเองถูกคิดเป็นสัญญาที่ 2
 
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!