- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 August 2019 18:00
- Hits: 1674
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
Market Summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเด่นตามภูมิภาคในช่วงเช้า อย่างไรก็ตามช่วงบ่าย มีแรงขายเด่นในกลุ่มธนาคาร นำโดย KBANK, SCB, BBL หลัง KBANK เริ่มประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ ในขณะที่มีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง นำโดย HANA, KCE, SABINA ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,619.4 จุด (-0.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.1 หมื่นล้านบาท (จากวันก่อนที่ 6.4 หมื่นล้านบาท)
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 3,966 ลบ. (สถาบันซื้อสุทธิ 2,087 ลบ.) และกลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 3,687 สัญญา
Stock Picks & Trading Idea
BJC (target price @ 64.0) : บริษัทรายงานผลประกอบการ 2Q19 สูงกว่าคาดมาก โดยรายงานกำไรจากการดำเนินงานที่ 1,794 ล้านบาท (+36%YoY, +20%QoQ) สูงกว่าคาด 22% อัตรากำไรเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมีกำไรเติบโตสูงจากยอดขายกลุ่มขนมและไทยคอร์ปในเวียดนามเพิ่มขึ้น อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าวลดลง ขณะที่ BIGC มียอดขายเติบโต 3.5% YoY ในขณะที่ประเมินผลประกอบการ 2H19 เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจกระป๋อง (ลูกค้าใหม่ Sabeco) และBIGC โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 1H62 ที่ 0.18 บาท/หุ้น (XD 28 ส.ค.)
Investment Theme
Inverted Yield curve เกิดขึ้นในพันธบัตรสหรัฐ 2/10 ปี : ปัจจุบัน ตลาดหุ้นกำลังเผชิญกับหลายปัจจัยกดดัน ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการเริ่มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลเป็นวงกว้างต่อทั้งเศรษฐกิจและกำไรตลาดหุ้น ภาพดังกล่าวเริ่มสร้างความไม่มั่นใจกับนักลงทุนถึงเศรษฐกิจระยะยาวเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของสินทรัพย์ (Asset Allocation) มายังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหรือเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรระยะยาว เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐปรับลดลงอย่างมีนัยยะ (10 ปี ปรับตัวลง 40bps เป็น 1.60% จากต้นเดือนที่ผ่านมา) เป็นผลให้เมื่อวานที่ผ่านมาเกิด Inverted yield curve ขึ้นในอัตราผลตอบแทน 2/10 ปี ของพันธบัตรสหรัฐ สร้างความกังวลต่อการเกิด Recession ในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นแล้วในชุด 3เดือน/10 ปี , 3/5ปี ฉะนั้นในระยะสั้นแนะติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและการประชุม FOMC ซึ่งหากผลออกมาดีและ FED ตัดสินใจลดดอกเบี้ย เราประเมินว่าจะสามารถบรรเทาความกังวลดังกล่าวได้บางส่วน
Investment Theme : ภายหลัง SET หลุดแนวรับสำคัญที่เราประเมินบริเวณ 1,670 จุด เราแนะนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำชะลอการลงทุน เพื่อรอดูผลของการเจรจาสงครามการค้าและการประชุม FED ในช่วงเดือนก.ย. หรือรอดูการกำหนดค่าเงินหยวนว่าจะพลิกกลับมาต่ำกว่า 7.0 ซึ่งในเชิงสัญลักษณ์อาจหมายถึงจีนเริ่มกลับมาเปิดทางเจรจาการค้าอีกครั้ง
Big Issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา :
- KBANK ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และ MOR(%) ลง 25bps
เมื่อคืนที่ผ่านมา DJ -800 จุด
- Trump ยื่นขอเสนอพบ Xi Jinping เพื่อหาทางออกในประเด็น ฮ่องกง
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ :
- จับตาความตึงเครียดระหว่างจีน-ฮ่องกง
- ใน 1-2 สัปดาห์ ตัวแทนการค้าจีนเตรียมพูดคัยกับสหรัฐในประเด็นการค้า
ปัจจัยในประเทศ :
-
Technical View
SET
แนวรับ : 1585, 1600
แนวต้าน : 1630, 1645
SET Index : ปิดหลุด 1630 เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แนวโน้มยังเป็นขาลง ดัชนีเปิดโดดขึ้นในช่วงเช้า ก่อนจะปรับตัวลงในช่วงบ่ายจากแรงขายอย่างหนักจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ทำให้ดัชนีกลับมาปิดเกือบ Low ของวันและหลุด 1630 ซึ่งเป็นเส้น Uptrend ระยะยาวอีกครั้ง จึงยังมองว่าดัชนียังคงมีความเสี่ยงปรับตัวลงต่อ มองแนวรับถัดไปที่ 1600 และ 1585 แต่หากผิดคาดมีสัญญาณ Rebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ตถือเงินสดให้มากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น: หลุด 1630 ต้องกระชับพอร์ตตามคำแนะนำก่อนหน้า แต่มีหุ้นใช้ Low 1612 ในการ Stop Loss จังหวะ Rebound ยังเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ตที่แนวต้าน
ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มจนกว่าดัชนีจะเริ่มหยุดลงหรือมีแรง Rebound ที่ชัดเจนกว่านี้
Tiger Picks :
RATCH : ซื้อ
แนวรับ : 64.50-65.50
แนวต้าน : 67.50/69.00
ตัดขาดทุน : 64.00
TU : ซื้อ
แนวรับ : 17.80-18.20
แนวต้าน : 18.80/19.40
ตัดขาดทุน : 17.60
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ
Research Department Tel. 02-658-5000