WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้คาด SET Index รีบาวด์ขึ้นมาในกรอบ 1,620-1,645 จุด จากปัจจัย ตปท.เป็นหลัก หลังภาวะสงครามการค้าลดระดับความรุนแรงลง บวกกับราคาน้ำมันดิบ WTI วานนี้เพิ่มขึ้น 3.4%DoD
•    Market Factor
•    (+) สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมวันที่ 1 ก.ย. บวกกับถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการเรียกเก็บสินค้าจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษี 10% และมีกำหนดการเจรจาการค้าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
•    (+) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และBrent วานนี้ปรับเพิ่ม 4.0%DoD และ 4.7%DoD ตามลำดับตอบรับผลบวกจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
•    (-) หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ก.ค.62 อยู่ที่ระดับ 46.7 ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวจากภาวะสงครามการค้าสหรัฐ-จีน (เดลินิวส์)
•    (-) เม็ดเงินโฆษณาเดือน ก.ค. ปรับลดลง 1.74%YoY โดยกลุ่มที่ปรับลดลงมากสุดสองอันดับแรกได้แก่ สื่อนิตยสารและสื่อนสพ.ลดลง 21.22% และ19.33%YoY ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มสื่อบนระบบขนส่ง และสื่อในโรงภาพยนต์ เติบโต 5.37% และ 4.39%YoY (Nielsen)
•    (watch) ติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุม ครม. เศรษฐกิจ นัดแรก วันที่ 16 ส.ค.นี้
•    (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 102.49บาท หรือลดลง 10.99% Year To Date
•         Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,395.21 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 19,508.36 ลบ. 
•    Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้เราประเมินดัชนี SET Index  แกว่งในกรอบ 1,615-1,650 จุด โดยนักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 แต่ยังมีปัจจัยกดดันหลัง Consensus ยังคงปรับลด EPS อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศในเรื่อง Tradewar เริ่มคลี่คลายมากขึ้น ทำให้เรากลับมามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง ในสัปดาห์นี้โดยยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้ 
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: จากภาวะ ศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)
•    กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.), LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี), GPI แม้กำไรช่วง 2Q62 ลดลง 13.1% และ 29.1%YoY และ QoQ ตามลำดับจากการรับรู้ค่าเช่าของจำนวนวันการจัดงานมอเตอร์โชว์ลดลง YoY รวมถึง 3Q และ 4Q62 ยังคงรับรู้ขาดทุนจากผลของฤดูกาล แต่คาดธุรกิจกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 63 จากการรุกจัดงานมอเตอร์โชว์ที่เมียนมาร์ และการเพิ่มรูปแบบ Event ใหม่ GP eRacing หนุนธรุกิจหลัก และต่อยอดสู่ธุรกิจ Gaming ในอนาคต บวกกับGPI มีจุดเด่นที่ปันผลสูง จ่ายปันผล 0.10 บ. (คิดเป็น Div. Yield 5.%)
•    กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการTurnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับPMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน) และ III (ช่วง 2Q62 กำไรปกติโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
 
 
 
    13-Aug-19    Change (pts.)    9-Aug-19
SET Index    1,620.23    -30.41    1,650.64
SET50 Index    1,065.58    -21.56    1,087.14
SET100 Index    2,355.84    -49.33    2,405.17
 
 
 
High    1,644.15    Gainers    399
Low    1,619.03    Unchanged    238
Value (Bt m)    64,186.02    Losers    1,325
Volume (*000)    18,529,599          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    16.5    15.1    15.1
EPS Growth (%)    13.9    9.3    3.0
EV/EBITDA (x)    11.1    10.2    9.8
FWD PBV (x)    1.9    1.8    1.7
Dividend Yield (%)    3.0    3.3    3.5
ROE    11.2    11.4    11.3
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    13-Aug-19    WTD    MTD    YTD
Institution    (838.83)    (838.83)    1,651.25    (1,525.94)
Proprietary    84.21    84.21    (4,288.18)    14,248.77
Foreign     (3,395.21)    (3,395.21)    (19,508.35)    41,194.44
Individual    4,149.82    4,149.82    22,145.28    (53,917.27)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
 
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!