- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 August 2019 16:05
- Hits: 1799
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“SET ฟื้น...จากเลื่อนเก็บภาษีจีน อาจเก็งหุ้นส่งออก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : THAI (จากถือเป็น Fully Valued) / ROJNA (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -30.41 จุด ปิดที่ 1620.23 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นที่ 64.2 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับลงแรงกว่าเพื่อนบ้าน มีแรงขายออกมามากในหุ้นขนาดใหญ่ ปัจจัยลบมาจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ สถานการณ์ฮ่องกงบานปลาย และงบการเงิน 2Q62 บจ.ส่วนใหญ่ไม่สดใส ผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 4.2 พันล้านบาท โบรกเกอร์ซื้อเล็กน้อย ส่วนขายสุทธิเป็นต่างชาติ 3.4 พันล้านบาท และสถาบัน 0.8 พันล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเป็น 41.2 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: บวกจากสหรัฐเลื่อนเก็บภาษีจีน ออกไปเป็น 15 ธ.ค.62 และถอดสินค้าบางรายการออก ราคาน้ำมันปรับขึ้นดี ทองคำถูกขาย หาสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่ม เพื่อนบ้านเช้านี้บวกถ้วนหน้า บอนด์ยิลด์ 10 ปีเพิ่ม และดัชนีความกังวลลดลงเป็น 17.52 จุด รวมทั้งไทยจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายสัปดาห์นี้ ส่วนปัจจัยลบยังเป็นสถานการณ์ฮ่องกง เงินบาทอ่อน ต่างชาติขายสุทธิ เช้านี้ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้ากลับอ่อนตัวลง
# ระยะสั้นคาด SET-เป็นไปทางฟื้นตัว จากเรื่องต่างประเทศ ที่สหรัฐเลื่อนเก็บภาษีจีน คาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นส่งออก โดยเฉพาะหุ้นเกี่ยวกับหัวเหว่ย เช่น HANA, SYNEX และคาดมีการรีบาวด์ระหว่างวันในกรอบ 1630-1640 กลยุทธ์ คือ ซื้อสะสม แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด แนวรับที่ 1620-1600 จุดสำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว ส่วนเป้าหมายดัชนีระยะยาวอาจมีการปรับลง หลังประกาศงบ 2Q62 ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Playพื้นฐานดี แต่หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK,STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHA ท่องเที่ยว- MINT ขนส่งAOT สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP,TISCO, TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHG และ RJH
# Stock Pick Today : DRT ภาพพรวมทั้งปี 62 คาดว่าจะเติบโตดี โดยประมาณการ Core profit ปีนี้ขยายตัว +8% เป็น 456 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายเพิ่มขึ้น +12% เป็น 472 ล้านบาท คงคำแนะนำซื้อ DRT ให้ราคาพื้นฐาน 6.50 บาท อิงกับ Core P/E ปี 62 ที่ 13.5 เท่า เราชอบ DRT ที่มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งจากการขยายส่วนแบ่งการตลาด, การส่งออก, ลดต้นทุน & เพิ่มประสิทธิภาพ โดยขณะนี้เริ่มใช้ Robot แทนแรงงาน บริษัทจ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอคาด Dividend Yield ปีนี้ 6.3% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบแรง”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง –ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่สามารถลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆ(ก่อนลง/หรือหลังลงแล้ว)ได้ (มีสภาวะ Oversold ในกราฟรายวัน ในระดับที่มีนัยสคัญ“หนุน”) แนวต้าน (กรณี“ขึ้น”ก่อน) 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวรับย่อย “1620 – 1610 / 1600”จุด} สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High เข้ามาใหม่คือ DIF,EPCO หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ SCC,BBL,KBANK,PTT,COM7 หุ้นที่หลุดลิสต์ คือ BGRIM,SCCC,CPALL หุ้นที่ควร Take Profit คือ -
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : CPALL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 89.00)
SCP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.39)
THAI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 7.40)
Flash Note : AAV (ถือ -ราคาพื้นฐาน 3.60)
AOT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 80.00)
BDMS (ถือ-ราคาพื้นฐาน 28.00)
CPF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.00)
CPN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 71.00)
DRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.10)
JKN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.30)
KCE (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 15.20)
MINT (ถือ -ราคาพื้นฐาน 46.00)
PSH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 21.00)
RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 33.00)
ROJNA (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.68)
SPALI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 21.70)
TASCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 25.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ-จีน : สงครามการค้าคลี่คลายลง สหรัฐเลื่อนจัดเก็บภาษี
# สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย. โดยสินค้าที่ได้รับการชะลอการจัดเก็บภาษี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่น จอมอนิเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า
# นอกจากนี้ USTR ยังประกาศถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่โดยระบุถึงปัจจัยด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก10%
# ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวของ USTR มีขึ้นเมื่อวานนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีกำหนดเจรจาการค้าในอีก 2สัปดาห์ข้างหน้า
+ สหรัฐ: ทรัมป์ พลิกทำทีอ่อนลง ในเรื่องการทำสงครามการค้า
# ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การที่เขาตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15ธ.ค. เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของชาวสหรัฐในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
+ สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น0.3% ในเดือนก.ค.
# ขณะที่สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ 104.7 ในเดือนก.ค.
+ ดาวโจนส์: ปรับขึ้น สงครามการค้าคลี่คลายลง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,279.91 จุด เพิ่มขึ้น 372.54 จุด หรือ +1.44% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,926.32 จุด เพิ่มขึ้น 42.57 จุด หรือ +1.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,016.36 จุด เพิ่มขึ้น 152.95 จุด หรือ +1.95%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน เช่น แอปเปิล และอินเทล
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น โอเปกอาจปรับลดกำลังการผลิตอีก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 2.17 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 57.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.ปีนี้
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.73 ดอลลาร์ หรือ 4.7% ปิดที่ 61.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.)เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้
+ ทองคำ: ปรับลง ขายสินทรัพย์ปลอดภัย เข้าตลาดหุ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่1,514.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันสัญญาทองคำ
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State ManufacturingIndex) เดือนส.ค. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.,ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• กนง. ยังให้ความสำคัญกับเสถียรภาพระบบการเงิน
# ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังให้ความสำคัญกับเสถียรภาพระบบการเงิน แม้ว่าบางมาตรการที่ ธปท.เคยประกาศออกไปได้ส่งผลในทิศทางที่ต้องการ แต่ในภาวะที่ดอกเบี้ยจะต่ำอย่างต่อเนื่องนั้น ยังจำเป็นที่ต้องดูแลเสถียรภาพของะรบบการเงินเพื่อไม่ให้มีการประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรและสร้างความเปราะบางให้ระบบการเงินในอนาคต
-/• ธปท.มีมาตรการช่วยดูแลค่าเงินบาท แต่ไม่ควรเป็นการแทรกแซงค่าเงินเพื่อได้เปรียบการค้า
# รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าหารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทว่า ได้รับทราบว่า ธปท.มีมาตรการต่างๆ ในการช่วยดูแลค่าเงินบาทเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องอยู่ภายในเงื่อนไขที่ไม่ถูกประเทศอื่นๆ กล่าวหาว่ามีการแทรกแซงค่าเงินเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการค้า
# ผลกระทบ: ปกติมาตรการ ธปท.จะทำให้บาทอ่อนตัวลง เพื่อช่วยการส่งออก ที่ผ่านมา เช่น มาตรการลดการพักเงินของต่างชาติในตลาดการเงิน แต่เงินบาทอ่อนค่ากลับไม่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ในแง่ Flow ของเงินทุน
+ ครม.จะมีการประชุมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ศุกร์ 16 ส.ค.นี้
# โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้กำหนดการประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกในวันศุกร์ที่ 16 ส.ค.นี้ โดยกระทรวงการคลังกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะนำเสนอให้ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจพิจารณา
-ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในเดือนก.ค. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
# มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในเดือนก.ค. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5มาอยู่ที่ระดับ 46.7 จากระดับ 47.1 ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน และมีดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในอนาคตปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.2 จากระดับ 48.7 ในเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]