- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 August 2019 16:34
- Hits: 2628
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“SET ถูกกดดันจากสงครามการค้าและฮ่องกง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ANAN (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ -14.48 จุด ปิดที่ 1650.64 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 59.2 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับลงคล้ายเพื่อนบ้านที่แกว่งแคบๆ มีแรงขายทำกำไรลดเสี่ยงก่อนหยุดยาว กำไร 2Q62 ไทยไม่สดใส และติดตามสงครามการค้า มีแรงขาย MTC มากหลังปรับเป้าลง รวมทั้ง TMB-TCAP ที่จะควบกัน ผู้ซื้อสุทธิรายเดียวคือ รายย่อย 3.0 พันล้านบาท ส่วนขายสุทธิเป็นต่างชาติ 2.0 พันล้านบาท โบรกเกอร์ และสถาบันขายเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเป็น 44.6 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ลบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ สถานการณ์ฮ่องกงบานปลาย สหรัฐยังมีกำหนดการเก็บภาษีจีนเพิ่ม 1 ก.ย.62 และจีนกำหนดค่าเงินหยวนรายวัน ส่วนทั่วโลกยังติดตามว่าจีนจะใช้วิธีปฏิบัติกับฮ่องกงอย่างไร ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านลบทั่วหน้า บอนด์ยิลด์สหรัฐกลับมาต่ำเป็น 1.648% ดัชนีความกังวลขึ้นไปถึง21.09 จุด ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ ด้านปัจจัยในประเทศเป็นลบจาก พรรคเล็กตีตัวออกจากรัฐบาล ผลประกอบการ 2Q62 ที่ออกมาแย่คือ สายการบิน อสังหาฯและปิโตรเคมี สำหรับปัจจัยบวกที่พอมีคือ น้ำมันปรับขึ้น ดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ยังปรับขึ้นได้ และเงินบาทแข็งค่า
# ระยะสั้นคาด SET-เป็นไปทางลบ จากเรื่องต่างประเทศ ทั้งสงครามการค้าและฮ่องกง คาดมีแรงขายทำกำไรออกมา และมีการรีบาวด์ระหว่างวันในกรอบ1640-1660 กลยุทธ์ คือ ซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว แนวรับที่ 1640-1620 จุด แนวต้านเป็น 1660-1670 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว ส่วนเป้าหมายดัชนีระยะยาวอาจมีการปรับลง หลังประกาศงบ 2Q62 ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play พื้นฐานดี แต่หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือพาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK,STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHA ท่องเที่ยว- MINT ขนส่ง AOT สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์-KKP,TISCO, TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHG และ RJH
# Stock Pick Today : ADVANC รายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดีกว่าคาดใน 2Q62 มาจากรายได้ต่อเครื่องต่อเดือน (ARPU) เพิ่มขึ้น แม้การแข่งขันยังคงสูงอย่างไรก็ดี เชื่อว่าบริษัทจะบริหารจัดการได้ดี และมี EBITDA margin ที่เสถียรราว 43% ในปีนี้ (ในรอบ 1H62 อยู่ในระดับดังกล่าว) และไตรมาสถัดๆมาไม่ต้องบันทึกสำรองเกณฑ์ใหม่ผลตอบแทนพนักงาน โดย 2Q62 บันทึกส่วนใหญ่แล้ว บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 3.78 บาท/หุ้น (73% ของกำไรสุทธิ) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล 1.7% กำหนด XD 16 ส.ค.นี้ และชำระเงิน 3 ก.ย.62
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่หากรักษา“ค่าบวก”ได้ (“แนวรับย่อย”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน (กรณี“ฝืนขึ้น”ก่อน) 1660 (หรือ 1670) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1650” (แนวรับย่อย “1640 / 1630 – 1620”จุด}สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New Highเข้ามาใหม่คือ PTT,COM7 หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ SCC,BBL,KBANK,BGRIM,SCCC,CPALLหุ้นที่หลุดลิสต์ คือ BCH,PLANB,GFPT,RJH,GPSC,BCPG หุ้นที่ควรTake Profit คือ -
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ANAN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 3.40)
MTC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 78.00)
SVI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 3.20)
Flash Note : HANA (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 22.70)
PF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 1.11)
SC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 3.06)
SYNTEC (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 2.36)
TOP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 75.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ-จีน : สงครามการค้ายังคงร้อนระอุ
# นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และกระทรวงการคลังสหรัฐได้ระบุอย่างเป็นทางการว่า จีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน ด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงเพื่อหวังข้อได้เปรียบด้านการค้า โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดอัตราค่ากลางของหยวนที่ระดับ 7.0211 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงจากระดับของวันศุกร์
-สหรัฐ: โกลด์แมน แซคส์คาดสงครามการค้ายืดเยื้อ และปรับลด GDP ไตรมาส 4 สหรัฐลง
# นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงยืดเยื้อต่อไป และไม่มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ยังได้ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐประจำไตรมาส 4 สู่ระดับ 1.8% จากเดิมที่ระดับ 2.0%โดยระบุถึงผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มากกว่าคาด
-ฮ่องกง: สถานการณ์ประท้วงจีนยิ่งรุนแรงขึ้น
# เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงที่ได้ลุกลามออกไปจากเดิมที่เป็นการประท้วงร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กลายเป็นการชุมนุมเรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และเรียกร้องให้มีประชาธิปไตยในฮ่องกง รวมทั้งให้ฮ่องกงเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่
# ทั้งนี้การที่ทางการจีนใช้คำว่า "ก่อการร้าย" ถือเป็นการเตือนอย่างรุนแรงที่สุดต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งอาจปูทางไปสู่การใช้กองกำลังความมั่นคงแห่งชาติของจีนในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกง โดยที่ผ่านมานั้น จีนได้เคยใช้ข้ออ้างของการก่อการร้ายในการกวาดล้างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในซินเจียง และทิเบต ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลของชาติตะวันตก และกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน
- ดาวโจนส์: ปรับลง วิตกสงครามการค้า และการประท้วงในฮ่องกง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,897.71 จุด ลดลง 389.73 จุด หรือ -1.48% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,883.09 จุด ลดลง 35.56 จุด หรือ -1.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,863.41 จุด ลดลง 95.73 จุด หรือ -1.20%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของจีนอย่างใกล้ชิดว่าจะใช้กำลังในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกงหรือไม่ หลังจากที่จีนระบุว่าการประท้วงในฮ่องกงเริ่มทวีความรุนแรงและมีสัญญาณของการก่อการร้าย
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น โอเปกอาจปรับลดกำลังการผลิตอีก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 54.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 58.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันในระยะนี้ รวมทั้งรายงานที่ว่าบริษัทน้ำมันสหรัฐลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันติดต่อกันสัปดาห์ที่ 6
- ทองคำ: ปรับขึ้น เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่1,517.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้
# ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index)เดือนส.ค. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- ธปท.เผย การเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 4.2%
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 4.2%ลดลงจาก 5.6% ในไตรมาสก่อน สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การปล่อยสินเชื่อลดลงตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าแนวโน้มการขยายตัวสินเชื่อปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อน หรือขยายตัวไม่ถึง 6%
+ หน่วยงานร่วมกันผลักดันผ่านธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบการให้เลือกใช้เงินบาท
# ธปท. สภาหอการค้าฯ และ ส.อ.ท.จะร่วมกันผลักดันผ่านธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบการให้เลือกใช้เงินบาทหรือLocal Currency มากขึ้น รวมทั้งเห็นพ้องกันในการสนับสนุนให้ภูมิภาคมี Payment Connectivity เพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ และค่าใช้จ่ายของแรงงานในการโอนเงินกลับประเทศ
-"ไทยบีเอ็มเอ" ชี้มาตรฐานบัญชีใหม่ บจ.ถือลงทุนต้องกันด้อยค่า
# สมาคมตลาดตราสารหนี้ ชี้เกณฑ์ "ไอเอฟอาร์เอส9" ส่งผล บจ. ที่ถือลงทุนหุ้นกู้ ต้องตั้งด้อยค่าตามเรทติ้งที่ได้รับ เผยอยู่ระหว่างจัดทำอัตราการตั้งสำรอง ย้ำเรทติ้งต่ำต้องสำรองสูง ขณะนักวิเคราะห์ฟันธง ทำหุ้นกู้ขายยากขึ้น ส่อกระทบต้นทุนบริษัทขนาดเล็ก (กรุงเทพธุรกิจ)
-ธปท.กางสถิติสินเชื่อครัวเรือน ปล่อยกู้เกิน 'ภาระหนี้ 70%' อื้อ
# "แบงก์ชาติ" กางข้อมูล ปล่อยกู้ระบบแบงก์พาณิชย์ พบพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงทำหนี้ครัวเรือนเปราะบางมากขึ้น เผยยอดปล่อยกู้แก่ผู้ที่มีภาระหนี้ต่อรายได้เกินกว่า 70% มีในทุกหมวด สินเชื่อ พบกลุ่มบ้านแลกเงินมากสุด โดยมีสัดส่วนสูงถึง46% ขณะ สินเชื่อรถแลกเงินรองลงมา สัดส่วนกว่า 38% (กรุงเทพธุรกิจ)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]