- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 August 2019 16:31
- Hits: 2490
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาด SET Index ปรับลง จากความกังวลภาวะสงครามการค้า รวมถึงมาตรการตอบโต้จากทางการจีนผ่านค่าเงินหยวน ส่งผลหยวนอ่อนค่าสูงกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐต่อเนื่องสามวันติดเคลื่อนไหว ประเมินกรอบเคลื่อนไหว1,640-1,655จุด
• Market Factor
• (-) ตลาดยังคงกังวลสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนหลังธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางเงินหยวนอ่อนค่าเกินระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯสามวันติดต่อกันซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่ตลาดกังวลปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7.0211 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
• (watch) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ10 ปีปรับลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี2559 อยู่ที่ระดับ1.647% จากผลกระทบของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนทำให้2-10 spread ปรับลงอยู่ที่ระดับ6 bps ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะ Inverted yield curve ได้
• (-) สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยเดือน ก.ค.62 ยอดที่อยู่ในกำลังแรงงานมีจำนวน 38.09 ล้านคน แบ่งเป็นผู้มีงานทำ 37.62 ล้านคน ผู้ว่างงาน 4.36 แสนคน และผู้รอฤดูกาล 3.0 หมื่นคนทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบสถานการ์ณแรงงานพบว่า จำนวนผู้มีงานทำลดลง 1.0 ล้านคน, ผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 5.4 หมื่นคน
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 102.73บาท หรือลดลง 10.78% Year To Date
• Update Flow เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,025.49 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น16,113.15 ลบ.
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราประเมินดัชนี SET Index แกว่งในกรอบ 1,625-1,665จุด โดยนักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 โดย Consensus ยังคงปรับลดลง EPS อย่างต่อเนื่อง บวกกับแรงกดดันจาก Trade War ที่ยังไม่คลี่คลายยังกดดันตลาดต่อเนื่องอย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง และคาดมีแรงขายจากผลประกอบการ บจ.ในสัปดาห์นี้โดยยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะ ศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่าครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจได้แก่BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการ ฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)
• กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.), LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี), SPALI (คาดราคาหุ้นปรับตัวลงมาสะท้อนกำไรช่วง 2Q62 ที่คาดหดตัวทั้ง YoY และ QoQ และคาดจ่ายเงินปันผลจากผลกำไรครึ่งปีแรกหุ้นละ 0.5 บ. หรือคิดเป็น Div. Yield 2.3%), GPI แม้กำไรช่วง 2Q62 ลดลง13.1% และ 29.1%YoY และ QoQ ตามลำดับจากการรับรู้ค่าเช่าของจำนวนวันการจัดงานมอเตอร์โชว์ลดลง YoYรวมถึง 3Qและ4Q62 ยังคงรับรู้ขาดทุนจากผลของฤดูกาล แต่คาดธุรกิจกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 63 จากการรุกจัดงานมอเตอร์โชว์ที่เมียนมาร์ และการเพิ่มรูปแบบ Event ใหม่ GP eRacing หนุนธรุกิจหลัก และต่อยอดสู่ธุรกิจ Gaming ในอนาคต บวกกับGPI มีจุดเด่นที่ปันผลสูง จ่ายปันผล 0.10 บ. (คิดเป็น Div. Yield5.%)
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุดSAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการTurnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับPMCT ซึ่งคาดเห็นSynergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน) และ III (ช่วง 2Q62 กำไรปกติโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
9-Aug-19 Change (pts.) 8-Aug-19
SET Index 1,650.64 -14.48 1,665.12
SET50 Index 1,087.14 -9.13 1,096.27
SET100 Index 2,405.17 -22.70 2,427.87
High 1,675.44 Gainers 394
Low 1,649.52 Unchanged 367
Value (Bt m) 59,240.66 Losers 1,213
Volume (*000) 18,166,819
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 3.0
EV/EBITDA (x) 11.1 10.2 9.8
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 11.2 11.4 11.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 9-Aug-19 WTD MTD YTD
Institution (30.01) 5,223.37 2,490.08 (687.11)
Proprietary (969.01) (3,421.03) (4,372.39) 14,164.56
Foreign (2,025.49) (10,763.96) (16,113.15) 44,589.65
Individual 3,024.51 8,961.62 17,995.46 (58,067.09)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary