- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 August 2019 16:10
- Hits: 2406
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาด SET Index ปรับลง หลัง Sentiment ในประเทศยังเป็นลบจากการไม่เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยของ MSCI และติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,655-1,670 จุด
• Market Factor
• (+) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับเพิ่ม 2.8%DoD และ 2.0%DoD ตามลำดับ หลังคาดว่าซาอุฯจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงในการประชุม OPEC และ Non-OPEC วันที่ 9 ก.ย. ณ เมืองอาบูดาบี เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
• (-) หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในเดือน ก.ค. 62 อยู่ระดับ 62.2 ต่ำสุดในรอบกว่า 18 ปี จากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและโลกที่มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่เพิ่มความรุนแรง, ภัยแล้ง, ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับต่ำ คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 62 ขยายตัวเพียง 2.9-3.2% จากเดิมที่คาดการณ์ 3-3.5% (เดลินิวส์)
• (-) MSCI ปรับสัดส่วนหุ้นในดัชนี MSCI EM Market โดยปรับเพิ่มสัดส่วนหุ้นใหม่จาก China A-Share และ ซาอุดิอาระเบีย ขณะที่ไม่มีการเพิ่มสัดส่วนหุ้นไทย ส่งผลโดยอ้อมต่อสัดส่วนหุ้นไทยในดัชนีมีโอกาสปรับลดลง โดยมีผล 27 ส.ค. นี้
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 103.23บาท หรือลดลง 10.34% Year To Date
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย935.38ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 14,087.66ลบ.
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราประเมินดัชนี SET Index แกว่งในกรอบ 1,630-1,680 จุด โดยเรายังคงมีมุมมองในเชิงลบหลังบริษัทจดทะเบียน เริ่มประกาศผลดำเนินงานช่วง 2Q62 ออกมา ซึ่ง EPS ปี 62 จาก Consensus ยังคงลดลงต่อเนื่อง บวกกับคาดโฟลว์เงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยไปที่จีนหลัง MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น A-Shareอย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง และคาดมีแรงขายจากผลประกอบการบจ.ในวันนี้และสัปดาห์หน้าโดยแนะนำลงทุนในหุ้นหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: จากภาวะ ศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่าครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)
• กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK(คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.), LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนในHMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี) และ SPALI (คาดราคาหุ้นปรับตัวลงมาสะท้อนกำไรช่วง 2Q62 ที่คาดหดตัวทั้ง YoY และ QoQ และคาดจ่ายเงินปันผลจากผลกำไรครึ่งปีแรกราว 0.5-0.55 บ. หรือคิดเป็น Div. Yield 2.3%)
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี62 เห็นการTurnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับPMCT ซึ่งคาดเห็นSynergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน)และ III (ช่วง 2Q62 กำไรปกติโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
8-Aug-19 Change (pts.) 7-Aug-19
SET Index 1,665.12 -4.32 1,669.44
SET50 Index 1,096.27 -4.53 1,100.80
SET100 Index 2,427.87 -8.86 2,436.73
High 1,673.84 Gainers 667
Low 1,660.36 Unchanged 449
Value (Bt m) 62,650.12 Losers 883
Volume (*000) 18,647,643
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 3.0
EV/EBITDA (x) 11.1 10.2 9.8
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 11.2 11.4 11.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 8-Aug-19 WTD MTD YTD
Institution (487.62) 5,253.38 2,520.09 (657.10)
Proprietary (1,014.88) (2,452.02) (3,403.39) 15,133.57
Foreign 935.38 (8,738.48) (14,087.66) 46,615.14
Individual 567.12 5,937.11 14,970.95 (61,091.60)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary